บลจ.เกียรตินาคินภัทร เปิดขาย IPO 2 กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ 17-25 พ.ย.นี้

18 พ.ย. 2564 | 05:23 น.

บลจ.เกียรตินาคินภัทร ออกกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพใหม่ 2 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเพื่อการเกษียณพร้อมรับสิทธิประโยชน์สำหรับการลดหย่อนภาษี เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) 17-25 พ.ย. 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  เกียรตินาคินภัทร จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนเพื่อการเกษียณเป็นการลงทุนระยะยาว ผู้ลงทุนควรมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายเพื่อให้สามารถจัดพอร์ตได้ตรงความต้องการและความเสี่ยงที่เหมาะสมของตนเอง บลจ.เกียรตินาคินภัทร จึงได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดเคเคพี พาสซีฟ โกลบอล อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ เฮดจ์ (KKP PGE RMF-H) และกองทุนเปิดเคเคพี EXPANDED TECH เพื่อการเลี้ยงชีพ - HEDGED (KKP TECH RMF-H) เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนพร้อมการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ลงทุน

 

ทั้งนี้ KKP PGE RMF-H เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียวคือ iShares MSCI ACWI ETF ซึ่งเน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี MSCI ACWI ในขณะที่ KKP TECH RMF-H เน้นลงทุนในกองทุนรวมหลักเพียงกองทุนเดียวคือ iShares Expanded Tech Sector ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการสื่อสาร (Communication Service) และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ในประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ 

 

“หากผู้ลงทุนต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ควรเลือกกองทุน KKP PGE RMF-H ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบครอบคลุมทั้งกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเกิดใหม่ แต่หากต้องการเจาะจงหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ก็สามารถเลือกกองทุน KKP TECH RMF-H โดยทั้งสองกองทุนมีการบริหารแบบอิงตามดัชนี (Passive) ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับกองแบบ Active และกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในปัจจุบัน” 

“สำหรับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ การที่ประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างเช่น สหรัฐและยุโรป สามารถกลับมาเปิดประเทศได้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการเติบโตจีดีพีและผลประกอบการสำหรับไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐและยุโรปที่ประกาศออกมาแล้วเติบโตดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้น เมื่อมองไปในระยะข้างหน้า การวิจัยและผลิตวัคซีนและยารักษาเชื้อโควิดจะยิ่งได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดความรุนแรง ส่งผลให้ประเทศต่างๆที่ยังคงฟื้นตัวช้าอยู่ในปัจจุบันสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น และเป็นปัจจัยสนับสนุนจีดีพีโลกในปีหน้าให้ยังคงเติบโตได้ในระดับที่สูง

 

ทั้งนี้ IMF คาดการณ์อัตราการเติบโตจีดีพีโลกปี 2565 ที่ 4.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังในช่วงก่อนโควิดที่ระดับ 3.4%  ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจหลักคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นโลกโดยรวมและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำดังที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งประมาณการกำไรสุทธิ 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทในตลาดหุ้นโลกยังคงมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 18.54% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีประมาณการอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 25.88% อีกด้วย” นายยุทธพลกล่าว 

ทั้งนี้ หลังการเปิดเสนอขายกองทุน KKP PGE RMF-H และ กองทุนKKP TECH RMF-H นี้แล้ว บลจ.เกียรตินาคินภัทร ซึ่งเพิ่งคว้ารางวัล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่น (Outstanding Asset Management Company) จากเวที SET AWARDS 2021 ที่ผ่านมา  

จะมีกองทุน RMF นำเสนอให้แก่นักลงทุนรวมทั้งหมดถึง 10 กองทุน ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ตั้งแต่ตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ และกอง Asset Allocation นอกจากนั้น บลจ.เกียรตินาคินภัทร ยังมีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) อีกมากถึง 20 กองทุน เพื่อเปิดโอกาสผู้ลงทุนเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมหรือตามมุมมองการลงทุนที่ต้องการในช่วงส่งท้ายปีนี้ได้อย่างครบถ้วน 

 

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 305 9559 หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรทุกสาขา หรือ https://am.kkpfg.com หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง 

 

เงื่อนไขการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF : 

 

กองทุน RMF : ลดหย่อนสูงสุด 30% ของเงินได้และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับ SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องถือครอง 5 ปี และอายุครบ 55 ปี 

 

กองทุน SSF : ลดหย่อนสูงสุด 30% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับ RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องถือครอง 10 ปี นับจากวันซื้อ