ลดหย่อนภาษีปี2564 เลือกลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF อย่างไหนดี

14 พ.ย. 2564 | 00:19 น.

ลดหย่อนภาษีปี 2564 ใกล้สิ้นปี ไม่พลาดกองทุนช่วยประหยัดภาษี "SSF" และ "RMF" ทั้ง 2 กองทุนมีข้อแตกต่างอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง ควรเลือกลงทุนกองทุนไหน เช็กดูที่นี่ !

ช่วงโค้งท้ายปี มนุษย์เงินเดือนที่วางแผนการเงินเพื่อ "ลดหย่อนภาษี 2564"  พลาดไม่ได้กับ 2 กองทุนช่วยประหยัดภาษี  นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund ) หรือ  SSF  และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( Retirement Mutual Fund) หรือ RMF  ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ไม่ได้แตกต่างกันนัก คือลงทุนได้ทั้ง หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์  

 

 

ลดหย่อนภาษีปี2564 เลือกลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF อย่างไหนดี

 

แตกต่างก็ตรงการลงทุนใน  SSF จะซื้อหน่วยลงทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ตัวอย่าง กองทุนรวมสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)  กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  ประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท  และต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

ส่วนผู้ลงทุนกองทุน RMF ซื้อหน่วยลงทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์  ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี (หรืออย่างน้อยซื้อปีเว้นปี )

 

 

ลดหย่อนภาษีปี2564 เลือกลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF อย่างไหนดี

 

SSF และ RMF เหมาะกับใคร ควรเลือกกองทุนแบบไหนดี 

 

กองทุน SSF และ RMF เหมาะกับวัยทำงานที่มีเงินได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่ต้องการประหยัดภาษี และอยากลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุนโดยหวังผลตอบแทนในระยะยาว หรือต้องการเตรียมความพร้อมด้านการเงินก่อนเกษียณอายุจากการทำงาน   

 

ส่วนการพิจารณาเลือกลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุน อายุของผู้ลงทุน  รายได้และเงินเก็บ ดังนี้

 

  • หากเน้นการออมเงินระยะยาวประมาณ 10 ปี ควรเลือกลงทุนใน SSF เพราะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อครบ 10 ปี โดยไม่ต้องรอจนอายุถึง 55 ปีเหมือน RMF
  • เป้าหมายเพื่อเตรียมเงินสำหรับการเกษียณอายุ ควรเลือก RMF เพราะนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีแล้ว ยังตอบโจทย์การทยอยเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ เนื่องจากเป็นการลงทุนต่อเนื่องทุกปี และสามารถลงทุนตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้เงินงอกเงยในระยะยาว
     
  • หากมีอายุต่ำกว่า 45 ปี มีเงินลงทุนไม่สม่ำเสมอ ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุน SSF เพราะเป็นการลงทุนแบบก้อนต่อก้อน ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องลงทุนยาว 10 ปี
  • แต่หากอายุ 45 ปี สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งแบบกองทุน SSF หรือ RMF เพราะมีระยะเวลาถือจนครบกำหนด 10 ปีไม่ต่างกัน
  • ส่วนอายุ 47 ปี หรือ 50 ปีขึ้นไป การเลือกลงทุนในกองทุน RMF จะใช้ระยะเวลาในการลงทุนที่สั้นกว่า เพราะถือเพียง 5 - 8  ปีก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ไม่ต้องถือจนครบกำหนด 10 ปี เหมือน SSF