นับถอยหลัง JP เตรียมเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก 2 พ.ย.นี้

28 ต.ค. 2564 | 08:57 น.

JP เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ หลังนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น อย่างล้นหลาม เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่อยอดงานวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JP) เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 115 ล้านหุ้น ราคา 7 บาทต่อหุ้น โดยเปิดขายเมื่อวันที่ 21, 25-26 ตุลาคมที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากความเชื่อมั่นในพื้นฐานการดำเนินธุรกิจและโอกาสเติบโตในอนาคต จากแผนเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในเชิงดูแล ป้องกันและรักษาโรค ทั้งนี้ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 

 

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์สร้างการเติบโตต่อจากนี้ JP จะนำจุดแข็งด้านการวิจัย มาพัฒนาต่อยอดงานวิชาการสู่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในเชิงพาณิชย์ เช่น โครงการพัฒนาพืชไข่น้ำ และโครงการความร่วมมือวิจัยและพัฒนาศักยภาพการใช้กัญชงและกัญชาในผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเชิงสุขภาพ ที่ได้มีการร่วมือกับภาครัฐ และเอกชน เป็นต้น ตั้งเป้าหมายการทำตลาดในการสร้างแบรนด์สินค้า รวมถึงแผนขยายกำลังการผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการด้านต้นทุนกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพเติบโตสูงเช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่ม OEM ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

“เรามีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการวิจัย ผลิต จำหน่ายยาและอาหารเสริม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในการดูแล ป้องกันและรักษาโรค ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพภายใต้แบรนด์สินค้าของเราเองและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน”

 

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า JP มีจุดแข็งและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน จากการที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนาน และมีความเชี่ยวชาญ ด้านการผลิตยาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งมีบุคลากรเฉพาะด้าน เช่นแพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย เภสัชกรแผนปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยีชีวภาพ ที่จะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พร้อมสนับสนุนแผนกลยุทธ์เชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมที่มีคุณภาพภายใต้ตราสินค้าของบริษัทให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายกลุ่มฐานลูกค้า OEM  อีกทั้ง JP มีศักยภาพด้านฐานการผลิตของโรงงาน 2 แห่ง ที่มีความสามารถด้านการผลิตที่หลากหลาย ภายใต้มาตรฐานวิธีการผลิตยา (GMP / PICs) จาก อย. สอดคล้องและทัดเทียมกับมาตรฐานของสหภาพยุโรปและมาตรฐาน GMP สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้JP เติบโตได้อย่างยั่งยืน

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า JP ถือเป็นหุ้น Growth Stock ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงตามทิศทางของอุตสาหกรรมยาที่เป็นเมกะเทรนด์ของการดูแลสุขภาพ ทำให้หุ้น JP ที่เปิดให้นักลงทุนได้จองซื้อหุ้นไอพีโอได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจและโอกาสเติบโตต่อจากนี้ หลังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมนำไปใช้ลงทุนพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์สินค้า เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสนใจดูแลรักษาสุขภาพในทุกช่วงวัยได้ดียิ่งขึ้น