ธปท.เผยผลสอบดูดเงินจากบัตรแล้ว 1.07 หมื่นบัตร เสียหายกว่า 130 ล้านบาท

19 ต.ค. 2564 | 03:39 น.

แบงก์ชาติ เผยตรวจสอบพบตัดเงินผิดปกติกว่า 50%ผ่านบัตรเดบิต และเป็นธุรกรรมซื้อสินค้าออนไลน์จากร้านค้าในต่างประเทศกว่า 90% เบื้องต้นเสียหายแล้วกว่า 130 ล้านบาท

จากกรณีมีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายถูก ดูดเงินจากบัญชี หรือ บัตรเดบิต จำนวนหลายครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว แฮกบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และดูดเงินออกจากบัตรเดบิตผ่านเครื่อง EDC หรือเครื่องรูดบัตร แต่ไม่มี SMS แจ้งเตือน แต่ละครั้งจะถอนเงินจำนวนไม่มาก
 

วันนี้19 ต.ค. 64 เมื่อเวลา 09.00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคม ธนาคารไทย ร่วมกันแถลงข่าว ชี้แจงกรณีการตัดเงินผิดปกติจากบัญชีบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ว่า 

ในช่วงวันที่ 1-17 ต.ค.64 ตรวจสอบพบการตัดเงินที่ผิดปกติจากการใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 10,700 บัตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการตัดเงินจากบัตรเดบิต และกว่า 90% มาจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่อยู่ในต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์เจ้าของบัญชี

ทั้งนี้ผลตรวจสอบเบื้องต้นจากธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ใกล้เคียงกับข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.ต. นิเวศน์ อาภาวศิน ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า จากการสอบสวนพบว่า คนร้ายมีข้อมูลหมายเลขหน้าบัตรและหลังบัตร รวมถึงวันหมดอายุของบัตร ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับธปท.และกลุ่มผู้ประกอบการออนไลน์ถึงมาตรการป้องกัน
 

พฤติการณ์การก่อเหตุ สัญนิษฐานว่าเกิดจาก 3 รูปแบบ 

  • 1. เป็นการผูกบัญชีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธนาคารเข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น แอปพลิเคชันออนไลน์ และข้อมูลเกิดหลุดไปถึงแก๊งมิจฉาชีพ 
  • 2. การส่ง SMS หลอกลวง ที่จะส่งลิงก์มาตาม sms เข้ามือถือผู้เสียหาย และให้กรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ปล่อยเงินกู้ ไปรษณีย์ไทย
  • 3. การใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตในชีวิตประจำวัน เช่น การให้บัตรพนักงานไปชำระค่าสินค้าและบริการในห้าง หรือการเติมน้ำมัน อาจถูกพนักงานเก็บข้อมูลเลขหน้าบัตร 16 หลัก และเลข CVC หลังบัตร 3 ตัว ซึ่งคนร้ายอาจมีการรวบรวมข้อมูลและขายต่อในตลาดมืด