MAKRO เดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์

14 ต.ค. 2564 | 10:59 น.

บมจ.สยามแม็คโคร เดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ ทั้งไทย-มาเลเซีย หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียว เตรียมเพิ่มทุนขาย PP เป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมดจาก CPRH คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ พร้อมยื่นไฟลิ่งขาย PO เพิ่ม Free Float ตามเกณฑ์ตลท.

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในประเทศไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด หรือ CPRH หลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ของบริษัทฯ และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บมจ.สยามแม็คโคร

บริษัทฯ จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) เพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการดังกล่าว ซึ่งคาดว่า กระบวนการรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จะแล้วเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ นับจากวันที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท

 

หลังจากนั้นจะยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขออนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) โดย CPALL บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จะร่วมขายหุ้นสามัญที่ถือใน MAKRO บางส่วน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย(Free Float) เป็นไม่น้อยกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)

 

“จะส่งผลดีต่อหุ้น MAKRO ที่จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้น สภาพคล่องการซื้อขายที่ดีขึ้น รวมถึงมีโอกาสในการเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่าง ๆ เช่น SET 50 และ MSCI ส่งผลให้หุ้น MAKRO เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านฐานะการเงินเพื่อเป็นเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจ ลดต้นทุนทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของ MAKRO”นางสุชาดากล่าว

บริษัทฯ มีแผนผนึกกำลังร่วมมือกับเอสเอ็มอี (SMEs) และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทยอย่างต่อเนื่อง โดย ให้การสนับสนุนผ่านการเป็นช่องทางการกระจายสินค้าของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และยกระดับสินค้าไทยให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นำประเทศไทยก้าวเป็นฮับหรือศูนย์กลางของอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh Food and Grocery) ในภูมิภาค และเป็นครัวของโลก (Kitchen of the World) โดยเชื่อว่า สินค้าไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้ หากได้รับการสนับสนุน

 

“เราพร้อมเป็นช่องทางการกระจายสินค้าและนำแพลตฟอร์มออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นมาสร้างโอกาสแก่เอสเอ็มอีและผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทย โดยร่วมมือกันนำสินค้าไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อรับโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”นางสุชาดากล่าว