จ่อชงครม."ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่"คาดดันราคาขยับขึ้น 6-8 บาท

20 ก.ย. 2564 | 05:55 น.

ปรับภาษีบุหรีใหม่ ! คลังจ่อชง ครม.มีผล 1 ตุลาคมนี้ สรรรพากรย้ำตอบโจทย์ 4 เรื่องหลัก ดันราคาปรับขึ้นแน่ ผู้ค้าฯคาดราคาขยับขึ้นซองละ 6-8 บาท

ข่าวการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ พูดกันมาเป็นระยะๆ และเพื่อให้ทันใช้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ หลังจากที่มีการเลื่อนขึ้นภาษียาสูบที่จะปรับเพิ่มขึ้น 40% จากเดิมที่เคยเก็บเพียง 20% จะมีผลสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้

ล่าสุดนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กล่าวว่าได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง(รมว.คลัง) พิจารณาแล้ว หลังจากนี้คาดว่านายอาคม จะนำเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากว่าโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 แต่บอกไม่ได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะเป็นอัตราเดียว หรือ 2 อัตราเหมือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่โดยภาพรวมภาระภาษีจะปรับเพิ่มขึ้น
 

การนำโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่มาใช้ ยังเป็นการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เคยเกิดในอดีต และตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลัก คือ

1. ด้านสาธารณสุข
2. ด้านเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. ด้านรายได้ของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง
4. ด้านการดูแล บริหารจัดการบุหรี่เถื่อน และบุหรี่ปลอม

“ โดยภาพรวมภาระภาษีบุหรี่จะปรับเพิ่มขึ้น  เนื่องจากต้องตอบโจทย์หลักทั้ง 4 เรื่องหลักดังกล่าว และกรมสรรพสามิตรู้ดีกว่าจุดยืนของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร " อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว 

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมนำโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เพื่อให้ ครม. ได้มีเวลาพิจารณาตัดสินใจ หากมีข้อปัญหาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงก็จะมีเวลาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปได้ทัน และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2464
 

อัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ แม้ภาระจะไม่ปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40% ตามกฏหมาย แต่อัตราการจัดเก็บขั้นต่ำตามมูลค่าของโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมากกว่า 20% แน่นอน เบื้องต้นมีการคาดการณ์กันในตลาดผู้ค้าบุหรี่ว่า ราคาบุหรี่หลังโครงสร้างภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ อาจจะปรับเพิ่มขึ้นซองละ 6-8 บาท ทำให้กลุ่มตลาดบุหรี่เริ่มมีการกักตุนสินค้ามานานหลายเดือนแล้ว

ขณะที่โครงสร้างภาษีบุหรี่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการเก็บตามปริมาณที่มวนละ 1.20 บาท บวกกับตามมูลค่า 20% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกไม่เกิน 60 บาทต่อซอง และ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาขายปลีกที่ราคาเกิน 60 บาทต่อซอง ซึ่งตามกฎหมายเดิม ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 การเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่าจะต้องเหลืออัตราเดียวที่ 40% ทุกชนิดราคาบุหรี่ แต่ทั้งผู้ค้าบุหรี่และชาวไร่ยาสูบไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้ราคาบุหรี่ปรับขึ้นสูงอย่างมาก

อนึ่งกรมสรรพสามิตมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีบุหรี่ เฉลี่ยปีละ 6 หมื่นล้านบาท