บล.ทิสโก้ชี้กำไรบจ.ไตรมาส 2 โตก้าวกระโดด แนะทยอยซื้อสะสมรอเปิดเศรษฐกิจ

18 ส.ค. 2564 | 08:48 น.

บล.ทิสโก้เผยผลประกอบการบจ.ไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี พร้อมเปิดชื่อหุ้นน่าทยอยสะสม รอรับอานิสงส์เปิดเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรสุทธิ ไตรมาส 2 ปี 2654 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) อยู่ที่ 275,000 ล้านบาท (626 บริษัทจากทั้งหมด 650 บริษัทใน SET) เติบโตก้าวกระโดด +118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยหลายกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเติบโตสูง เนื่องจากฐานกำไรไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่ต่ำมาก เพราะเจอการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบแต่กลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่คือ กลุ่ม TOURISM เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์   

 

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิ ไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ประกาศออกมากับประมาณการของตลาดโดยรวม จำนวน 206 บริษัท จะมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 243,000 ล้านบาท ดีกว่าคาด 10% จากที่ประเมินไว้ที่221,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 96 บริษัทมีงบดีกว่าคาด (เพิ่มขึ้นกว่าคาดมากกว่า 5%), 50 บริษัทมีงบตามคาด (เพิ่มขึ้นหรือลดลง ระหว่าง +/- 5%) และ 60 บริษัทมีงบแย่กว่าคาด (ลดลงกว่าคาด -5%) หรือคิดเป็นสัดส่วน 47% : 24% : 29% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ถึงแม้ผลประกอบการในช่วง ไตรมาส 2 ปี 2564 ส่วนใหญ่จะดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่กำไรบจ.น่าจะผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว โดยมองว่าประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (SET EPS) มีแนวโน้มปรับลง เพื่อสะท้อนทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการใช้มาตรการควบคุมการระบาดเกินกว่าสิ้นเดือนสิงหาคม ซี่งประมาณการ SET EPS ของตลาดในปี 2564 ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 85.0 บาทต่อหุ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหม่ในช่วงปลายปีนี้ แต่ประมาณการกำไรล่วงหน้าปี 2565 เริ่มมีสัญญาณปรับลงในเดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรกของปีนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 95.8 บาทต่อหุ้น เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่96.3 บาทต่อหุ้น 

             

สำหรับธีมหุ้นแนะนำเทรดดิ้งในระยะสั้น คือ หุ้นที่ตลาดมีโอกาสปรับมุมมองในเชิงบวกขึ้นหลังงบไตรมาส 2 ดีกว่าคาดและไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีต่อ คือ AH, BCH, IVL, JWD, PTTGC, SAT, SFT, SMPC, TPIPL, VIBHA และ WICE ส่วนหุ้นอิงดีมานด์ในต่างประเทศและได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า คือ กลุ่ม ETRON ได้แก่ KCE และ HANA กลุ่ม FOOD ได้แก่ CBG, GFPT, SAPPE และ TU ด้านกลุ่ม TRANS (เดินเรือและ โลจิสติกส์) ได้แก่  PSL, TTA, JWD และ WICE 

ขณะที่ หุ้นคาดรับอานิสงส์เชิงบวกจากการระบาดและการล็อกดาวน์ยืดเยื้อ คือกลุ่ม HELTH ได้แก่ BCH และ BDMS กลุ่ม ICT & IT ได้แก่ ADVANC, DTAC, AS, COM7 และSYNEX กลุ่มอื่นๆ ได้แก่ KEX ด้านหุ้นหลบภัยพื้นฐานดีมีรายได้มั่นคง คือ  ADVANC, EASTW และ EGCO และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลงวดนี้รออยู่มากกว่า 2% แนะนำ LH, PROSPECT, SMPC, SPALI, STA, STGT, TU และ TVO 

              

นอกจากนี้ ธีมหุ้นที่แนะนำหาจังหวะตั้งรับเพื่อหวังผลในระยะถัดไปเมื่อมีการทยอยเปิดเศรษฐกิจ (Re-opening) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐช่วงปลายปีนี้ แนะนำ AOT, BAM, BEM, CPALL, CPN, CRC, MTC และ STEC