รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การเปิดซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เป็นวันแรก ราคาเปิดที่ 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ 29.34% สูงกว่าราคาจองซื้อที่ 9.20 บาท จากนั้นมีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 3.10 บาท หรือ 33.69% และราคาต่ำสุดอยู่ที่ 11.20 บาทโดย ณ เวลา 11.20 น. อยู่ที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท หรือ 25.00%
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNNP เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง จะช่วยสนับสนุนให้ SNNP เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากแผนธุรกิจที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายมีรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 หรือมีอัตราการเติบโต 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ SNNP มีแผนสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศโดยในประเทศไทยจะลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์โรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้นจะลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งในกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันโรงงานในกัมพูชาได้เริ่มดำเนินการเชิงพานิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์ประเภทขนมปังขึ้นรูปและขนมปังแท่ง ผลิตภัณฑ์เยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน และผลิตภัณฑ์ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้นและปลาเส้น ในประเทศเวียดนาม เพื่อเป็นฐานการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน
ขณะที่ แผนการดำเนินงานนั้น บริษัทจะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับเทรนด์ของผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงและกัญชา และการต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ เจเล่ เบนโตะโลตัสขาไก่ เมจิกฟาร์ม และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ เป็นต้น ทั้งด้านรสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ (Localization) เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอให้มีความหลากหลาย
“เราเป็นหนึ่งในผู้สร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของไทย ด้วยแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย การมีฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนามสามารถรองรับความต้องการของตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และยังเป็นฐานส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ จากในปัจจุบันที่ส่งออกกว่า 35 ประเทศทั่วโลก จะช่วยให้ SNNP ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกในสเต็ปต่อไป”