กลุ่มทิสโก้ แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 พิษโควิด ฉุดกำไรลด 5.5%

15 ก.ค. 2564 | 04:30 น.

กลุ่มทิสโก้ เผยผลประกอบการไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 1,666 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรง คาดเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีมี แนวโน้มอ่อนแอมาก

 นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานของ กลุ่มทิสโก้ ในไตรมาส 2/64  มีกำไรสุทธิ 1,666 ล้านบาท ลดลง 97 ล้านบาท หรือ 5.5% จากไตรมาส 1/64  ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากทุกธุรกิจหลักอ่อนตัวลง ทั้งค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัย ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมจัดการกองทุน

ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้

 

อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายสำรองปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองในระดับสูงเพื่อรองรับความเสี่ยงล่วงหน้าไปแล้ว สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด

 

แม้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.7% แต่ถือเป็นไปตามกรอบที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 213.7%

 

เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังเปราะบางและคาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำ แม้จะมีแรงหนุนจากฐานที่ต่ำมากในช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากมองไปในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอเพิ่มมากขึ้น"นายศักดิ์ชัยกล่าว 

 

ทั้งจากสถานการณ์การของโควิด-19 ที่ยังรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก นำไปสู่การบังคับใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในบางพื้นที่ ซึ่งจะกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชนให้มีแนวโน้มชะลอตัวลงยิ่งกว่าเดิม และเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้” นายศักดิ์ชัย กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากกว่าที่คาดนี้ การให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างทันการณ์จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีและกลุ่มรายย่อย โดยแนวทางที่ทิสโก้ให้ความช่วยเหลือจะอยู่ในรูปแบบของการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การปรับลดค่างวด การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ การปรับวิธีผ่อนชำระแบบขั้นบันได

 

ในส่วนของลูกค้าธุรกิจยังให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และสินเชื่อฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  ซึ่งปัจจุบันอนุมัติวงเงินแล้ว  4,000 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้ารายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์  หากปรับโครงสร้างหนี้แล้วยังผ่อนชำระไม่ไหว สามารถนำรถมาคืนในโครงการพิเศษ “คืนรถจบหนี้” ได้

 

ทั้งนี้ลูกค้าต้องผ่อนชำระมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 งวด และหากอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนด ทิสโก้จะยกหนี้ให้ทั้งหมด โดยไม่ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม ไม่มีค่าธรรมเนียม และระบุสถานะเป็นปิดบัญชี ทำให้ลูกค้าจะไม่เสียประวัติเครดิตและไม่มีภาระหนี้ผูกพันในระยะยาว

 

ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ปัญหาให้ลูกค้าแบบเบ็ดเสร็จในภาวะวิกฤต ในอนาคตยังมีโอกาสกลับมาทำธุรกรรมขอสินเชื่อได้ใหม่  ซึ่งเอื้อให้เกิดผลดีต่อระบบโดยรวม

 

ทั้งการลดจำนวนคดีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของศาล การจบปัญหาหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564

 

“นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปี 2563  ทิสโก้ให้ความช่วยเหลือและดูแลลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆ ตามความเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละประเภท"นายศักดิ์กล่าว

 

ทำให้มีลูกค้าจำนวนมากสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ หลังการระบาดระลอกใหม่ที่ยาวนานขึ้น  ทิสโก้จึงขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือต่อจนถึงสิ้นปี  ปัจจุบัน ทิสโก้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วกว่า 150,000 ราย