บิ๊ก BBL เตือน! อย่าตกใจถ้า NPL ยังไม่แตะ 6%

23 มิ.ย. 2564 | 19:10 น.

ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการระบาดของโควิด-19 ระลอก3 ที่ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่การฉีดวัคซีนเองก็ยังล่าช้าและตํ่ากว่าเป้าหมายมาก แม้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วันก็ตาม ในแง่เศรษฐกิจเองยังไม่เห็นแสงจากปลายอุโมงค์

ในมุมมองของนายธนาคารที่คลุกคลีในวงการมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤติมาแล้วหลายสมัยอย่างนายปิติ สิทธิอำนวย ประธานกรรมการ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ซึ่งหากเป็นลูกค้ารุ่นสู่รุ่นของธนาคาร กรุงเทพ เองจะคุ้นกันในนาม “นายปีเตอร์” ซีเนียร์แบงก์เกอร์แห่งค่าย “บัวหลวง” เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน ซึ่งเป็นแบงเกอร์อาวุโส หนึ่งเดียวของไทยในขณะนี้ 

นายปิติเผยถึงมุมมองด้านเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับตัวของธุรกิจธนาคารว่า ทุกอย่างอยู่ที่เหตุการณ์การระบาดของโควิด-19  วัคซีนที่ทุกคนได้ฉีดแล้ว และกำลังจะรับการฉีดจะมีประสิทธิภาพขนาดไหน เพราะถ้าฉีดวัคซีนครบแล้ว อาจต้องใช้เวลาอีก 6 เดือนหรือมากกว่านั้น แต่ในมุมมองส่วนตัว คาดคะเนว่า อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีกว่าที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยฟื้นกลับสู่ระดับปกติ

“แต่อย่าลืมว่า ระหว่างทาง 2 ปีนั้น ยังไม่มีใครตอบได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแน่นอน แบงก์กรุงเทพก็ต้องปรับตัว ปรับแผนธุรกิจ ทุกแห่งต้องจัดลำดับอย่างไร”

ในส่วนของลูกค้า โชคดีที่ตอนนี้เสียดอกเบี้ยตํ่า ถ้าเสียดอกเบี้ยสูงกว่า 3-5% อาจแย่กว่านี้ กลายเป็นว่า คนรับภาระตอนนี้คือ ธนาคารพาณิชย์ ดอกเบี้ยสูงสุดเดี๋ยวนี้ 5-6%คนที่จะเดือดร้อนหรือจะกระทบคือ ผู้ถือหุ้น เพราะฉะนั้น ผู้ถือหุ้นจะต้องเข้าใจ ปีหน้าเรื่องเงินปันผลจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ หรือปันผลระหว่างกาลปีนี้ก็ยังไม่รู้ เพราะตัวเลขยังไม่ออกมา แต่ดูตัวเลขแล้วไม่สวยแน่ ถ้าคนไหนจะบอกว่าสวยก็เก่ง แต่เราไม่เก่ง 

สำหรับคุณภาพลูกหนี้ที่จะเสื่อมถอยลงตามภาวะเศรษฐกิจ “นายปิติ” ระบุว่า ยังไม่รู้แต่ดูเอาเองแล้วกันว่า ธุรกิจเกือบทุกแห่งปิด โทษลูกค้าไม่ได้ ร้านอาหารเดี๋ยวนี้คู่แข่งเยอะ ทุกร้านลดราคาถัวเฉลี่ย 20% แล้วจะมีกำไรเท่าไร ร้านค้าต่างๆ เปิดขายไม่ได้ แล้วรายได้จะมาจากไหน มันเดือดร้อนตรงนี้

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต้องเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง ทุกกลุ่มยกเว้น คมนาคม ที่เหลือเกือบทุกอย่าง ท่องเที่ยวอย่าไปพูดถึง ถามตัวเองว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาเมื่อไร ไม่รู้ ที่บอกว่า โรงแรมจะเปิด โรงแรมปิดไปแล้วกว่าจะฟื้นขึ้นมาก็ต้องลงทุนซ่อมแซมและคาดคะเนว่า หลายโรงแรมที่ปิดคือ เปิดไม่ได้ 50%

นายปีเตอร์ยังบอกอีกว่า ในมุมของผมที่น่าหนักใจก็คือ ธุรกิจโรงแรม เพราะลูกค้าเราหลายรายที่มีโรงแรมอยู่ในต่างประเทศ เช่น ยุโรป อเมริกา ซึ่งเรามีพอร์ตลูกค้ากลุ่มนี้อยู่พอสมควร เพราะสมัยก่อนโรงแรมเป็นธุรกิจที่ดี ตอนนี้หนักใจ แต่ก็ไม่ถึงกับนอนไม่หลับ เพราะโรงแรมทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากโควิดทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่ไทย ถามว่ากลุ่มนี้มาขอปรับโครงสร้างหนรี้หรือยัง ยังไม่มา แต่กำลังจะมาแน่  

ส่วนแนวโน้มหนี้เสียระยะข้างหน้า ประเมินว่า เพิ่มขึ้นแน่ๆ แต่อย่าตกใจไตรมาส2 เอ็นพีแอลธนาคารพาณิชย์ถัวเฉลี่ยน่าจะเห็น 4%บวก จากตอนนี้อยู่ที่ระดับกว่า 3% คือ ถ้าตัวเลขไม่ขึ้นไปที่ 6% อย่าเพิ่งตกใจ

นายปีเตอร์ตอบข้อซักถามว่า แบงก์จะชี้แจงผู้ถือหุ้นเรื่องเงินปันผลหรือไม่นั้น พูดตรงๆ เราทำธุรกิจกับลูกค้า เมื่อลูกค้าไม่ดี แล้วธุรกิจจะดีได้อย่างไรเราโตได้เพราะลูกค้าโต ไม่ใช่ลูกค้าไม่โต เราโตอย่างไร เราอาศัยลูกค้า ถ้าไม่มีปันผลระหว่างกาลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เราก็เคยมีต้มยำกุ้งมาแล้ว ถามว่ารอบนี้จะเหมือนต้มยำกุ้งไหม ไม่แน่นะ ดีไม่ดี อาจจะแย่กว่าต้มยำกุ้ง

“ถ้าสังเกตดูทุกๆ แบงก์ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ เราก็ต้องตั้งสำรอง ถ้าไม่สำรองไว้ทุกคนจะลำบาก เราต้องป้องกันผู้ถือหุ้น โดยแนวโน้มกันสำรองของเรายังสูงกว่าตัวเลขของทางการ แต่ตั้งสำรองปีนี้จะลดลงจากปี 2563 แล้ว สมัยก่อนสูงกว่าเยอะ เดี๋ยวนี้ลดลงมาแล้วแต่ก็ยังสูงกว่าเกณฑ์ที่แบงก์ชาติกำหนด”

นายปิติกล่าวทิ้งท้ายว่า ขออย่างเดียว ขอให้การเมืองนิ่ง ถ้าการเมืองไม่นิ่งธุรกิจจะเติบโตได้อย่างไร ทุกคนก็ไม่สบาย 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,690 วันที่ 24 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564