เสี่ยปั้น”สั่งลุย2โปรเจ็ก ช่วยนักรบเสื้อกาวน์-สินเชื่อ0%รักษาคนงานเอสเอ็มอี”

05 พ.ค. 2563 | 05:45 น.

“เสี่ยปั้น”สั่งลุย “เบี้ยรบพิเศษนักรบเสื้อกาวน์ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ 20,000คนพร้อมสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยรักษาพนักงานกว่า4หมื่นคน

 

“เสี่ยปั้น”สั่งลุย “เบี้ยรบพิเศษนักรบเสื้อกาวน์ผ่านมูลนิธิกสิกรนำร่อง 5จังหวัดภาคใต้ 45โรงพยาบาลรัฐ ด้วยงบประมาณ   300ล้านบาทหวังช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุม  20,000คนเป็นระยะเวลา 3เดือนๆละ4,000บาทบาทพร้อม “สินเชื่อ 0%วงเงิน 1,000ล้านบาท เพื่อรักษาคนงานเอสเอ็มอีกว่า 4หมื่นคน

เสี่ยปั้น”สั่งลุย2โปรเจ็ก ช่วยนักรบเสื้อกาวน์-สินเชื่อ0%รักษาคนงานเอสเอ็มอี”

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการ มูลนิธิกสิกรไทย กล่าวว่า  การระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องช่วยกันในครรลองการแก้ปัญหาผลกระทบครั้งนี้ ทั้งสุขภาพของคนไทยโดยรวมและการชะงักงันของระบบเศรษฐกิจ ในหลากหลายมิติ  ซึ่งธนาคารเชื่อว่าสังคมไทยต่างชื่นชมและขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านแรกที่เสี่ยงภัยมากที่สุด ธนาคารกสิกรไทย จึงมอบเงินสนับสนุนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักรบเสื้อกาวน์รวม 20,000 คน คนละ 4,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2563 รวมงบประมาณทั้งสิ้น 300 ล้านบาท เพื่อจะได้นำเงินไปใช้จ่ายตามความจำเป็น โดยมูลนิธิกสิกรไทยจะมีกระบวนการจ่ายเงินเพื่อให้มั่นใจว่าเงินดังกล่าวถึงมือนักรบเสื้อกาวน์ได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ โครงการ “เบี้ยรบพิเศษสำหรับนักรบเสื้อกาวน์” เป็นโครงการที่ดำเนินการโดย มูลนิธิกสิกรไทยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สตูล และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้รวบรวมรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าข่ายตามเกณฑ์จำนวน 45 แห่ง ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงแล้วยังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ได้แก่ จังหวัด สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสตูล มีบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 5,083 คน ทั้งหมดเป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานตั้งแต่มีการแพร่ระบาด และมีหน้าที่ในงานที่ได้สัมผัสเชื้อและดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขจนถึงวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

            นอกจากนี้ ประธานกิตติคุณ  ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า   ธนาคาร ได้จัดตั้งโครงการ “สินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงานเอสเอ็มอี”  เป็นเงินกู้สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กเพื่อให้สามารถจ้างพนักงานต่อไปได้ มีอัตราดอกเบี้ย 0% สิ่งสำคัญของโครงการนี้ คือ การเข้าไปช่วยเหลือพนักงานให้ยังมีงานทำและมีเงินเดือนเพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว โดยพนักงานแต่ละคนจะได้เงินคนละ 8,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ธนาคารได้เตรียมวงเงินสินเชื่อสำหรับโครงการนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานพนักงานกว่า 41,000 คนต่อไป ธนาคารยอมสูญเสียรายได้เพื่อให้คนในสังคมส่วนหนึ่งอยู่รอด เพราะการที่ทุกคนจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง คนที่มีต้องช่วยคนที่ไม่มี ถ้าทุกคนช่วยกันประเทศไทยก็จะสามารถฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน
 

 

 

 

 โครงการ “สินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงานเอสเอ็มอี” เป็นการเชิญลูกค้าเอสเอ็มอีรายเล็กที่มีพนักงานไม่เกิน 200 คน และมีการใช้บริการกับธนาคารมานานหลายปีเข้าร่วมโครงการเท่านั้น ซึ่งเจ้าของธุรกิจต้องเป็นคนดี เป็นนักสู้ที่พยายามต่อสู้เพื่อนำพาธุรกิจและพนักงานรอดไปด้วยกัน การช่วยเหลือภายใต้โครงการนี้ ธนาคารจะช่วยจ่ายค่าจ้างพนักงานทุกคนให้บางส่วน ธุรกิจต้องดำเนินต่อไปได้ และสามารถดูแลค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในส่วนอื่น ๆ ได้เอง โดยไม่หยุดหรือปิดกิจการ ธนาคารสนับสนุนเงินกู้เพื่อจ้างพนักงาน อัตราดอกเบี้ย 0% ฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท ไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลากู้ 10 ปี และไม่ต้องผ่อนชำระคืนเงินกู้ 1 ปี เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีรายเล็กมีเงินทุนในการจ้างพนักงานให้พวกเขามีรายได้และอยู่รอด โดยวงเงินกู้ของแต่ละบริษัทนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงาน พนักงานแต่ละคนจะได้เงินคนละ 8,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ธนาคารจะมีกระบวนการตรวจสอบได้ว่าเงินได้เข้าบัญชีพนักงานทุกคนจริง ซึ่งธนาคารได้เตรียมวงเงินสินเชื่อสำหรับโครงการนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท จะสามารถช่วยธุรกิจทั่วประเทศจำนวนกว่า 1,000 บริษัท ให้มีเงินทุนในการจ้างพนักงานกว่า 41,000 คน 

 

 

ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยร่วมมือกับเจ้าของกิจการในการช่วยเหลือพนักงานที่มีเงินเดือนน้อยให้อยู่รอดได้ โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มีความคืบหน้าในการรักษาการจ้างพนักงานได้กว่า 2,000 คน จากที่ตั้งเป้าไว้ 3,000 คน คิดเป็นเกือบ 70% ของเป้า และธนาคารยังช่วยลดดอกเบี้ยบนเงินกู้เดิมที่ผู้ประกอบการมีกับธนาคาร คิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

เสี่ยปั้น”สั่งลุย2โปรเจ็ก ช่วยนักรบเสื้อกาวน์-สินเชื่อ0%รักษาคนงานเอสเอ็มอี”
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการ มูลนิธิกสิกรไทยกล่าวว่า   ความท้าทายของทุกภาคส่วนท่ามกลางโควิด โดยระบุว่า    ไม่ว่าภาครัฐ  ภาคเอกชนหรือธนาคารต้องประเมินตัวเลขให้ครบถ้วน  ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อการจัดสรรทรัพยากรให้ถูกที่ถูกคนและมีประสิทธิภาพ  แม้สถาบันการเงินยังมีทุนสำรองหรือมีเสบียงอยู่ แต่ก็ต้องใช้เสบียงอย่างมีประสิทธิภาพ    ที่สำคัญ อย่าทำโดยไม่คำนวณ เพราะทุกอย่างมีขีดจำกัด   ในแง่ของการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องคุมเข้มเพื่อมิให้รั่วไหล
“  ไม่คิดว่าระบบสถาบันการเงินจะเดือดร้อนมากมาย  ถ้าไม่ทำกำไรปีนี้ทั้งปี  จะได้เงินจากความกล้าเสี่ยงไปปล่อยสินเชื่อมา  แต่หากไม่ปล่อยกู้ยิ่งจะทำให้ไม่มีกลไกขับเคลื่อน  อันนี้เป็นภาวะสงครามจะคิดตามแนวปกติไม่ได้    ถ้าระยะสั้นไม่ฟื้นจะมีระยะยาวได้อย่างไร  ความยั่งยืนหมายความว่า  อดผลประโยชน์เฉพาะหน้า  เพื่อมีอนาคตที่ดี ถ้าเฉพาะหน้าล้มกันอยู่ก็ไม่ต้องไปไหนกัน อย่างที่ผมบอก ต่อให้ปีนี้ไม่มีกำไร ทุนยังอยู่คือ แลกประโยชน์เฉพาะหน้าเพื่อจะแบกระบบของประเทศให้ไปได้  ไปเอาประโยชน์ระยะยาว  อันนี้คือ หลักการของความยั่งยืนละประโยชน์เฉพาะหน้าเพื่อไปเอาระยะยาว”