บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ระบุ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 ของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแบบดั่งเดิมจะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 81% YoY และ 70% QoQ จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง (อ่านตารางประกอบ ) และหนี้สินในสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าประเภท IPP ( EGCO, GULF) และ SPP (BGRIM, GPSC)
อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรธุรกิจหลัก ( core profit )ในไตรมาส 1/2563 ยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 8.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% YoY และ 63% QoQ ปัจจัยหนุนการเติบโตในเชิง YoY คาดจะมาจาก 1) กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 15% YoY มาอยู่ที่ 24,473 MW ผู้ประกอบการที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดคือ BGRIM, CKP, GPSC,และ GULF 2) อัตรากำไรที่สูงขึ้นเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 6% YoY มาอยู่ที่ 266 บาท/mmbtu ส่งผลให้อัตรากำไรของ BGRIM และ GPSC สูงขึ้น
แรงขับเคลื่อนการเติบโตในเชิง QoQ คาดจะมาจาก 1) การกลับมาผลิตในระดับปกติจากช่วงโลวซีซั่นในไตรมาส4 , 2)การขาดหายไปของผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เทียบกับที่เกิดแผ่นดินไหวในประเทศลาวในไตรมาส 4/2562 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาในประเทศลาวและส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ BPP และ RATCH และ 3) ไม่บันทึกค่าใช้จ่าย พนักงานก้อนใหญ่
ส่วนแนวโน้มภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 คาดว่าจะลดลง YoY จาก 1) กำไรจาก FX ที่ต่ำและ 2) กำไรธุรกิจหลักที่ลดลงจากรายได้ที่ระบุในสัญญาของโรงไฟฟ้า IPP ที่น้อยลงแม้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นและต้นทุนพลังงานลดลง เราคาดว่ากำไรสุทธิจะสูงขึ้น QoQ จากผลขาดทุนจาก FX ที่ลดลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 32.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 32.8 บาท/ดอลลาร์ฯ ช่วงปลายไตรมาสก่อน คาดว่ากำไรธุรกิจหลักในไตรมาส 2/2563 จะอ่อนตัวลง QoQ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงของผู้ใช้อุตสาหกรรมและค่าไฟฟ้าที่ลดลง 3% ตามคำสั่งของรัฐบาลตั้งแต่เดือนเม.ย. ถึง มิ.ย.ซึ่งจะกดดันกำไรธุรกิจหลักของผู้ประกอบการ SPP (BGRIM GPSC และ GULF)
ทั้งนี้ยังคงมุมมอง "บวก" ต่อกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหลัก ราคาหุ้นของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหลักปรับเพิ่มขึ้นดีกว่ากลุ่ม จากอัตราตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำ ผลจากความกังวลต่อเรื่องสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ถดถอยลงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ราคาหุ้นของ GULF ดีกว่าของคู่แข่งหนุนจากภาพรวมการเติบโตในระยะยาว
ดังนั้น บล.กสิกรไทย จึงปรับลดคำแนะนำหุ้น GULF เป็น “ถือ” จาก upside ที่จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย GULF ที่ 35.50 บาท (ราคาหลังแตกพาร์ ) จากเดิมที่ 177.0 บาท และเลือกผู้ประกอบการประเภท IPP อย่าง EGCO (ราคาเป้าหมาย 358 บาท ) และ RATCH (ราคาเป้าหมาย 75.75 บาท ) เป็นหุ้นเด่น กอปรกับระดับราคายังขึ้นค่อนข้างน้อย