แนะกระจายพอร์ต เก็บหุ้นราคาถูก เชียร์‘กลุ่มโรงไฟฟ้า’

30 ม.ค. 2563 | 01:42 น.

โบรกฯมองวิกฤติ “ไวรัสโคโรนาเป็นโอกาสแนะหาจังหวะทยอยลงทุน ค่ายบล.บัวหลวงฯ ให้กระจายพอร์ตเพิ่มนํ้าหนักลงในตลาดหุ้นสัดส่วน 61% เน้นตลาดตปท. ด้านบล.กสิกรไทยฯ- บล.เคทีบีฯ แนะลงหุ้นกลุ่มสัมปทานโรงไฟฟ้าและกลุ่มนอนแบงก์ BGRIM GULF MTC SAWAD และ AOT

ด้วยขนาดเศรษฐกิจจีน แน่นอนว่าผลกระทบจากโรคไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทย เพราะภาคท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 6% ของจีดีพีไทย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนคิดเป็น 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย

ทั้งนี้นับจากข่าวโรคไวรัสโคโรนาติดต่อจากคนสู่คนตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ดัชนีหุ้นไทยในช่วง 1 สัปดาห์ทำการ (17 - 27 มกราคม 2563) ได้ปรับตัวลง 76.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง - 4.8% มายืนระดับ 1,524.15 จุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม (เฉพาะวันที่ 27 มกราคมวันเดียว ดัชนีปรับลง 45.40 จุด หรือ- 2.89% มูลค่าซื้อขาย 69,174.18 ล้านบาท) ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ปรับลดลงถึง 7.56 แสนล้านบาท มาอยู่ระดับ 16.16 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน และพบว่าหุ้นในทุกกลุ่มเซ็กเตอร์ต่างปรับตัวลงกันหมด อย่างไรก็ดีในสถานการณ์ขณะนี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มองว่าเป็นจังหวะหาโอกาสลงทุน

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวงฯ กล่าวกับฐานเศรษฐกิจว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะมีผลต่อการท่องเที่ยวไทยมากกว่าอดีต แต่มาตรการควบคุมโรคปัจจุบันดีกว่าในอดีต เนื่องจากทั่วโลกต่างมีประสบการณ์และคาดว่าผลกระทบจากไวรัสโคโรนาจะคุมได้ภายในไตรมาส 1/2563 ใช้เวลาน้อยกว่ากรณีของไวรัสซาร์ส หรืออีโบลา ที่ใช้เวลา 6 เดือน และ 8 เดือนตามลำดับ

 

แนะกระจายพอร์ต  เก็บหุ้นราคาถูก  เชียร์‘กลุ่มโรงไฟฟ้า’

 

โดยสถิติหากเกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันอีก จะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงน้อยกว่าในอดีต เพราะคนจะรู้ว่าลงทุนตอนนี้และถือไป 3-6 เดือนได้กำไรแน่นอน คนมั่นใจว่าจะคุมสถานการณ์โรคไดและจะเลือกซื้อหุ้นดี ๆที่อยู่ในความสนใจและรอจังหวะหุ้นฟื้นกลับคืน”              

โดย 4 หุ้น ที่บล.บัวหลวงฯ แนะให้ทยอยเก็บช่วงราคาอ่อนตัว ได้แก่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจ AOT ไม่เปลี่ยน โดยตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น AOT ลงมาแล้ว 10% (อยู่ระดับ 68.75 บาท)แต่หากยืดเยื้อผลกระทบเกิน 6 เดือน หุ้น AOT มีโอกาสปรับลงจากต้นปี 15% และจะกระทบต่อกำไรบริษัทปีนี้ 17% AOT มีโอกาสปรับลงได้อีก 3 บาท (65.-66 บาท) ขณะที่หุ้นบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และหุ้นบมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ทั้ง 2 ตัวปัจจุบันเทรดตํ่ากว่าบุ๊กพี/อี BBL ประมาณ 7 เท่า จ่ายผลตอบแทนเงินปันผลกว่า 4% ต่อปี หุ้นบมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ

นายชัยพร กล่าวต่อว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าดัชนีหุ้นไทยปรับลงต่ำสุดหรือยัง แต่เทียบจากต้นปี SET Index ได้ปรับลงมาแล้ว 10% มาอยู่ที่ 1513 จุด ( 28 มกราคม )  อาจลงได้อีก 5% หรือกรอบล่างสุดอยู่ที่ 1440 จุด ในกรณีที่ผลกระทบลามนานเกิน 6 เดือน แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงระดับนี้ ควรลงทุนส่วนหนึ่งไปก่อน โดยปีนี้ได้แนะนำนักลงทุนเรื่องการกระจายสินทรัพย์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการรีบาลานซ์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยให้เพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นสัดส่วน 61% เน้นตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้นกู้และตลาดเงิน สัดส่วนรวมกัน 13% ทองคำ 16% และในกองทุนอสังหาฯรีทส์และโครงสร้างพื้นฐานสัดส่วน 10% จากปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 จะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้และตลาดเงินรวมกัน 40%, ทองคำ 16%, กองทุนอสังหาฯรีทส์และโครงสร้างพื้นฐาน 13% ที่เหลือเป็นตลาดหุ้น 31%

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST กล่าวว่าสถานการณ์ขณะนี้จะมีหุ้นเพียง ไม่กี่กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ คือหุ้นที่มีรายได้ประจำหรือมาจากสัมปทานและหุ้นที่มีการเติบโตด้วยตัวเอง กลุ่มแรกที่ชอบคือหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นกลุ่มการเงิน แม้ราคาจะปรับขึ้นมามากและช่วงสั้นมีแรงเทขาย แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย หุ้น 2 กลุ่มนี้จะฟื้นตัวเร็วก่อนหุ้นกลุ่มอื่น และเป็นหุ้นปลอดภัย

“นอกจากนี้ยังเลือก AOT ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าเลือกบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) , บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) หุ้นกลุ่มการเงิน เลือก บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) แต่ทั้งนี้แนะนำให้เข้าลงทุนเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย

สอดคล้องกับนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทยฯ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ บล.กสิกรไทยฯ แนะนำ ยังเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า เพราะไม่ถูกดิสรัปต์ เนื่องจากมีสัญญาซื้อไฟฟ้าในอนาคต และความต้องการซื้อไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นทั้งในและในประเทศเพื่อนบ้าน หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคชิม ช้อป ใช้ เฟส 4” หุ้นในกลุ่มก่อสร้าง หลังงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ผ่าน และกลุ่มธนาคารและต้องเลือกธนาคารที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน คือ BBL

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2563