‘CHG’ลุยสร้างร.พ.แม่สอด รับอานิสงส์ขึ้นค่ารักษา   

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นายกำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) (CHG) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 80% กับผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท รวมแพทย์แม่สอดอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยซื้อจากนายรณไตร เรืองวีรยุทธ จำนวน 70,000 หุ้น และนางสาวรักษวรรณ ยรรยงเกษมสุข จำนวน 10,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท รวมมูลค่า 800,000 บาท เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อให้บริการทางการแพทย์อย่างครบวงจรแก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ภายในพื้นที่จังหวัดตาก และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงชาวต่างชาติในพรมแดนใกล้เคียง

กำพล พลัสสินทร์

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม คือ นายรณไตร เรืองวีรยุทธ ถือหุ้นจำนวน 89,000 หุ้น หรือสัดส่วน 89%, นายกานต์ เรืองวีรยุทธ ถือหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น สัดส่วน 1% และนางสาวรักษวรรณ ยรรยงเกษมสุข ถือหุ้นจำนวน 10,000 หุ้น หรือ 10% ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ คือ CHG ถือหุ้นจำนวน 80,000 หุ้น หรือ 80%, นายรณไตร เรื่องวีรยุทธ ถือหุ้นจำนวน 19,000 หุ้น หรือ 19% และนายกานต์ เรืองวีรยุทธ ถือหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น หรือ 1%

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ ระบุว่า ผลประกอบการของ CHG ถูกกระทบจากโรงพยาบาลที่เปิดใหม่ 2 แห่ง ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่มองว่าแนวโน้มกำลังดีขึ้นเนื่องจากคาดว่าทั้ง 2 โรงพยาบาลจะถึงจุดคุ้มทุนในไตรมาส 1 ปี 2563 นอกจากนี้ยังเชื่อว่า CHG จะได้อานิสงส์จากโอกาสที่จะได้ปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานประกันสังคมในปีหน้า โดยในเบื้องต้นประเมินว่าการขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลทุก ๆ 1% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 1.8% และมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากระดับปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของ CHG ในไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ 269 ล้านบาท มาจากรายได้ส่วนเพิ่มจากสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากมีการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นจากปีที่แล้ว 45 ล้านบาท ซึ่งช่วยหนุนทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 3 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CHG เพิ่มขึ้น 34.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 26.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ยังคงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิมหลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2562

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯ ระบุว่า กลุ่มโรงพยาบาล ให้นํ้าหนักลงทุนมากกว่าตลาด โดยคาดว่ามีโอกาสที่โรงพยาบาลจะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคมเพิ่ม 6-12% ในปี 2563 โดย CHG และบริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) (RJH) ได้ประโยชน์มากเพราะมีสัดส่วนรายได้จากคนไข้ประกันสังคมสูง ซึ่งในงวด 9 เดือน ปี 2562 CHG อยู่ที่ 32% และ RJH อยู่ที่ 43% ส่วนบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH) อยู่ที่ 33% ด้านบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ 
จำกัด (มหาชน) (BDMS) และบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) ไม่มีคนไข้ประกันสังคม ทั้งนี้ CHG มีโควตาคนไข้ประกันสังคมอยู่ที่ 450,000 ราย หรือ 2.6% และ RJH มี 216,000 ราย หรือ 1.1% ของผู้ที่อยู่ในประกันสังคมทั้งหมดของไทย

ขณะที่ถ้าได้ปรับขึ้นเงินชดเชยจากประกันสังคม 6-12% พบว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ของ CHG จะเพิ่มขึ้น 9-18% จากประมาณการปัจจุบัน และของ RJH เพิ่มขึ้น 9-20% จากประมาณการปัจจุบัน ทั้งนี้ให้ CHG และ RJH เป็นหุ้นแนะนำ โดย CHG เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำทางฝั่งตะวันออก คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 เติบโตแข็งแกร่งจากโรงพยาบาลที่เปิดใหม่ 2 แห่งเข้าสู่ระดับคุ้มทุน และมีสัดส่วนคนไข้ที่ไม่ได้อยู่ในประกันสังคมเพิ่มขึ้น ส่วน RJH เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำแถบอยุธยา ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานจำนวนมาก ทำให้รายได้และกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,532 วันที่ 19-21 ธันวาคม 2562