GSTEL รับห่วงเทรดชั่วคราวกระทบผู้ถือหุ้น หวั่นรายย่อยเทขาย ล่าสุดส่งงบการเงินปี 2561 ครบ เตรียมส่งงวดไตรมาส 1/2562 27 มิ.ย.นี้ มั่นใจหุ้น GSTEL จะกลับมาซื้อขายปกติกลางเดือน พ.ย.นี้ ด้านบล.หยวนต้าฯ คาดวันแรกเปิดเทรดหลักทรัพย์ที่ติด SP อาจผันผวนมากกว่าข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน แนะศึกษาข้อมูล
จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับเกณฑ์การขึ้นเครื่องหมาย SP ใหม่ โดยจะเปิดโอกาสให้หุ้นที่ติดเครื่องหมาย SP ได้มีโอกาสซื้อขายชั่วคราวในเดือนกรกฎาคม (วันที่ 1-31 ก.ค.) ก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมายอีกครั้งในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 16 หลักทรัพย์ ได้แก่ A5, BLISS, BUI, CHUO, EARTH, GSTEL, IFEC, KC, KTECH, NBC, NMG, POLAR, PRO, STHAI, TSF, WR
นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ถูกเพิกถอนอีก 3 หลักทรัพย์ คือ IEC, LVT และ YNP ที่ตลท.จะเปิดให้ซื้อขาย 7 วันทำการระหว่างวันที่ 1-9 กรกฎาคม 2562 ก่อนที่จะให้ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2562
สุนทรียา วงศ์ศิริกุล
นางสาวสุนทรียา วงศ์ศิริกุล กรรมการบริหารบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEL เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าหลักทรัพย์ที่ถูก SP เกินกว่า 3 เดือนมีด้วยกันหลายสาเหตุ แต่ในส่วน GSTEL ที่ถูกเครื่องหมาย SP ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2561 เนื่องจากบริษัทส่งงบการเงินล่าช้า แต่ไม่มีปัญหาส่วนของทุนเพราะยังเป็นบวก 172 ล้านบาท (ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2561)
“เราห่วงว่าการเปิดให้ซื้อขายหุ้นชั่วคราวจะสร้างผลเสียหายให้กับผู้ถือหุ้น และรายย่อยอาจเทขาย เพราะไม่มีฟลอร์สูงสุด-ตํ่าสุดในวันแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ตลท.ออกเกณฑ์นี้ ประเมินไม่ได้ว่าหลังเปิดให้เทรด วันที่ 1 กรกฎาคมผลจะออกมาอย่างไร ”
ส่วนสาเหตุที่บริษัทนำส่งงบการเงินปี 2561 ล่าช้า เนื่องจากบริษัทต้องการรอผลการสอบสวนจากกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ( ปอศ) เพื่อประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์เศษเหล็กสูญหายจากกระบวนการโกงการซื้อขายเศษเหล็กในภาคตะวันออก ซึงปัจจุบันบริษัทได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบเรื่องเศษเหล็กสูญหายครบถ้วนแล้ว
แต่ทั้งนี้การส่งงบการเงินส่งช้าจะไม่เป็นประเด็นอีกต่อไป เนื่องจากบริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 โดยผู้ถือหุ้นได้อนุมัติรับรองงบการเงินปี 2560 ซึ่งบริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และแต่งตั้งผู้สอบบัญชีสำหรับรอบบัญชีปี 2561 และ 2562 โดยบริษัทได้รายงานงบการเงินไตรมาส 1-3 ของปี 2561 และงบปี 2561 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ตลาดหลักทรัพย์ ฯจึงประกาศให้หุ้น GSTEL อยู่ใน resume stage นับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 และในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติงบไตรมาส 1/2562 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถส่งงบการเงินได้ครบถ้วนและไม่มีค้างส่งงบใดๆอีก
"บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถส่งงบการเงินได้ตามเวลาที่กำหนด ตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป และหลังบริษัทนำส่งงบการเงินไตรมาส 3/2562 ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด คาดว่าหุ้น GSTEL จะสามารถกลับมาซื้อขายปกติได้ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2562"
นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มกลับมาผลิตใหม่ กำลังการผลิต 65,000 ตันต่อเดือน หลังได้รับเงินกู้ระยะยาว 5 ปี จากกลุ่ม SSG เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนจำนวน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ( ประมาณ 2,100 ล้านบาท ) ขณะที่คุณภาพสินค้าช่วงหยุดผลิต 3 เดือน ไม่ได้มีปัญหาจึงมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิม
กรรมการบริหารบมจ.จี สตีล ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้บริษัทว่าจะให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ จากหนี้ที่มีทั้งหมดกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยการแปลงหนี้เป็นทุน โดยภายในสัปดาห์หน้าบริษัทจะเข้าหารือเรื่องนี้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
"บริษัทมั่นใจจะพลิกฟื้นได้ภายในปีนี้หลังจากปรับโครงสร้างหนี้แล้วเบ็ดเสร็จ อีกทั้งกำลังการผลิตในระดับ 65,000 ตันต่อเดือน ถือว่าเป็นจุดคุ้มทุนจากศักยภาพกำลังผลิตได้เต็มที่ที่ 1.2 แสนตันต่อเดือน โดยในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1 แสนตันต่อเดือน มุ่งการสร้างมูลค่าของสินค้า ( value added ) รวมถึงอาจต้องหาแหล่งเงินทุนอีก 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจเพิ่ม" นางสาวสุนทรียา กล่าว.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย )จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดว่าวันแรก ( 1 ก.ค. 2562 )ที่เปิดการซื้อขายชั่วคราว หุ้นที่ถูก SP ราคาหุ้นอาจผันผวนมากกว่าข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานและประเด็นข่าวเพิ่มเติม จากการชี้แจงข้อมูลของบริษัทเหล่านี้ไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้จากการศึกษาข้อมูลทางการเงินเบื้องต้น พบว่ามี 6 หลักทรัพย์ที่ส่งงบการเงินต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2562 แล้วคือ BUI ,PRO,BLISS,A5,WR,YNP ขณะที่หลักทรัพย์ที่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ มี 4 หลักทรัพย์ คือ NMG, CHUO,TSF ,YNP และมีอีก 3 หลักทรัพย์ที่ส่วนของผู้ถือหุ้นตามข้อมูลงบการเงินล่าสุดเป็นบวก แต่มีโอกาสพลิกไปติดลบถ้าผลประกอบการยังขาดทุนสุทธิต่อเนื่องคือ GSTEL, KTECH, CHUO
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3482 วันที่ 27-29 มิถุนายน 2562