"Mobile App" เดือด! "SCB-KTC" ฮึดดึงพันธมิตรเสริมฟีเจอร์

'ไทยพาณิชย์' ชี้! โมบายแอพพลิเคชันบริการแค่พื้นฐานถอน โอน จ่าย อยู่รอดยาก ต้องดิ้นหาพันธมิตร เสริมบริการอื่นดึงลูกค้า เหตุสนามแข่งเดือด ด้าน 'เคทีซี' เล็งเสริมบริการ Cash Advance Online โอนเงินเข้าบัญชีได้ทุกธนาคาร ทำการตลาดเฉพาะเจาะจง ตั้งเป้ายอดใช้ KTC App เพิ่ม 1.5 ล้านราย

นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มการแข่งขันโมบายแอพพลิเคชันในระยะต่อไปจะเห็นแอพพลิเคชันที่รวมบริการ หรือ Service ต่าง ๆ เข้ามาไว้อยู่ในแอพพลิเคชันทั้งหมด เนื่องจากแอพพลิเคชันที่อยู่แบบเดี่ยว ๆ หรือ Stand Alone จะอยู่ลำบากมากขึ้น เพราะผู้บริโภคหรือลูกค้าจะไม่เข้ามาใช้บริการทุกวัน ทำให้แอพพลิเคชันไม่เกิดการใช้อย่างสม่ำเสมอ (In Active)

ดังนั้น ต่อจากนี้จะเห็นสถาบันการเงินและผู้ให้บริการต่างๆ หันมาเน้นขยายบริการต่าง ๆ หรือ ขยายความร่วมมือผ่านพันธมิตรมากขึ้น เช่นเดียวกับ ไทยพาณิชย์จะเน้นพัฒนาโมบายแอพพลิเคชัน SCB Easy ที่รวมบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าครบวงจร นอกจากบริการพื้นฐาน เช่น ฝาก ถอน โอน จ่าย

ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้พัฒนาในกลุ่ม Health และมีแผนขยายต่อไปในกลุ่ม Wealth และ Lending เพิ่มเติม ล่าสุด มีโปรแกรม Health@Home ให้กับลูกค้ามั่งคั่ง (Wealth Management) สามารถตรวจรักษาพยาบาลผ่านแพลตฟอร์มที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ผ่านโรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ได้ โดยจะเริ่มทดลองกับลูกค้า Wealth ที่ศูนย์ Investment Center สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นแห่งแรก และดูผลตอบรับการขยายผลไปยังแห่งอื่นต่อไป

นอกจากนั้น ยังลงทุนพัฒนาเรื่อง Digital Marketing Platform เพื่อให้สามารถทำการตลาด หรือ โปรโมชัน ที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มได้ตรงมากขึ้น ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ทดลองไปแล้วในส่วนของ Digital Lending ในกลุ่มลูกค้าพนักงานประจำและกลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งได้ผลตอบรับแตกต่างกันไป โดยจะเลือกขนาดที่ไม่ใหญ่ (Last Scale) เพื่อดูผลตอบรับและพัฒนาต่อไปยังกลุ่มอื่น เบื้องต้น จะเน้นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) และสินเชื่อบัตรเครดิต ล่าสุด ได้ทดลองการสมัครบัตรเครดิตที่เป็น Digital 100% พบว่า ยอดสมัครภายใน 2 สัปดาห์ สูงถึง 1.8 หมื่นราย สะท้อนตัวเลขผ่านดิจิทัลเร็วและสูงกว่าช่องทางปกติ

ขณะเดียวกัน ธนาคารได้พัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรมให้สอดคล้องกับบริการที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ปัจจุบัน ความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรม (Capacity) ของ SCB Easy Application สูงถึง 2 เท่าของปริมาณธุรกรรมสูงสุด (พีก) นับเป็นรายการต่อวินาที จึงมั่นใจว่า แม้จะเพิ่มบริการเข้าไป แต่การทำธุรกรรมจะไม่สะดุด โดยตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าที่ใช้ SCB Easy ให้ใช้บริการสม่ำเสมอ (Active) จาก 6 ล้านราย เพิ่มเป็น 10 ล้านราย จากฐานลูกค้าทั้งหมดที่มี 16 ล้านราย

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี กล่าวว่า ภายในปีนี้จะเห็น KTC Mobile Application มีบริการใหม่ ๆ มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรหลายราย เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมถึงมีแผนพัฒนาระบบการชำระเงินให้สะดวกมากขึ้น เช่น เบิกถอนเงินสดล่วงหน้า (Cash Advance) สามารถโอนเข้าบัญชีธนาคารอื่น ๆ ได้ จากเดิมที่จะโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย เช่น หมวดเอ็นเตอร์เทรนเมนต์ และภายในไตรมาส 2 บริษัทจะทำเรื่อง Digital Marketing ซึ่งจะเป็นโปรโมชันหรือแคมเปญที่เฉพาะเจาะจงกับลูกค้าแต่ละราย หรือ Personalized มากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชันปีนี้เพิ่มเป็น 1.5 ล้านราย จากปีก่อน 1 ล้านราย และเพิ่มยอดผู้ใช้บริการสม่ำเสมอ (Active) เพิ่มเป็น 90% จากปีก่อนอยู่ที่ 80% ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงและน่าพอใจ โดยฟีเจอร์หรือหมวดที่ลูกค้าใช้ผ่านแอพพลิเคชัน 3 อันดับแรก จะเป็นการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าผ่านออนไลน์ (Cash Advance Online) การทำโปรแกรมผ่อนชำระและการขอวงเงินชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้ปิดกั้นการเชื่อมต่อระบบกับบริการอื่น ๆ แต่บริการที่จะนำมาเชื่อมต่อกับ KTC Mobile Application นั้น ต้องตอบโจทย์ลูกค้าและเป็นบริการที่ลูกค้าต้องการ และจะต้องไม่ทำให้บริการหลัก ๆ ของแอพพลิเคชันสะดุด หรือ รกจนเกินไป รวมถึงระบบจะต้องมีความเสถียรและมีความปลอดภัย

"บริการหรือฟีเจอร์อะไรที่อยู่บนแอพพลิเคชันจะเป็นเรื่องที่มาจาก Call Center ที่ลูกค้าโทรศัพท์ถามมากที่สุด เช่น เช็กสเตตเมนต์ ยอดวงเงินชำระ หรือ เบิกเงินสดล่วงหน้า ใช้คะแนนสะสม ส่วนจะมีบริการอื่น ๆ ที่จะเชื่อมต่อเคทีซี เราไม่ปิดกั้น ซึ่งก็คุยกับพันธมิตร แต่จะต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ส่วนงบใช้พัฒนาแอพพลิเคชันอยู่ในหลักร้อยล้านบาท ขณะที่ งบการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท"

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับ 3458 ระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน 2562