จับตา โอมิครอน KP.2.3/XEC ลูกผสมพันธุ์ใหม่ แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า

20 ก.ย. 2567 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.ย. 2567 | 04:09 น.

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผย พบเชื้อโควิดลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ในหลายประเทศ คาดผู้ติดเชื้อจริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่พบ เหตุหลายชาติลดการตรวจสอบรหัสพันธุกรรม แนะประชาชนเฝ้าระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ย. 2567) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า โอมิครอน KP.2.3/XEC : ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า พร้อมให้รายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้ 

พบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสมใหม่ "KP.2.3/XEC" ในประเทศแถบซีกโลกเหนือแล้ว 9 ประเทศ ได้แก่

  • สหราชอาณาจักร
  • ออสเตรีย
  • เยอรมนี
  • เนเธอร์แลนด์
  • สโลวีเนีย
  • สวีเดน
  • เดนมาร์ก
  • ยูเครน
  • สหรัฐอเมริกา

โดยยืนยันผู้ติดเชื้อแล้ว 21 ราย จากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ เนื่องจากหลายประเทศได้ลดการตรวจสอบรหัสพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยรายใหม่ลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทำให้อาจมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการตรวจพบอีกจำนวนมากเชื้อโควิด-19 ยังคงวิวัฒนาการไม่หยุดยั้ง

ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบสายพันธุ์ลูกผสมตัวใหม่ ที่เกิดจากการรวมตัวของเชื้อโอมิครอนสองสายพันธุ์ คือ XEC และ KP.2.3 แม้ยังไม่มีชื่อเป็นทางการ แต่วงการแพทย์เรียกมันว่า "ลูกผสม KP.2.3/XEC"

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เชื้อตัวนี้กำลังแพร่ระบาดไปหลายประเทศอย่างรวดเร็ว จากรหัสพันธุกรรมบ่งชี้ว่าอาจมีความสามารถในการแพร่เชื้อสูงกว่าสายพันธุ์ XEC

จากการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมจากผู้ติดเชื้อทั่วโลก พบว่า "ลูกผสม KP.2.3/XEC" มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นที่ระบาดอยู่ทั่วโลก ประมาณ 102% หรือประมาณ 2 เท่า

ส่วนจากการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมจากผู้ติดเชื้อทั่วโลก พบว่า XEC  มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นที่ระบาดอยู่ทั่วโลก เพียงประมาณ 64% หรือ 1.64 เท่า

นักวิทยาศาสตร์จึงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งความรุนแรงของโรค การหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่

แม้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลกระทบทั้งหมด แต่การค้นพบนี้เตือนให้เราต้องระมัดระวังตัวต่อไป หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกกำลังเร่งศึกษาวิจัยเชื้อตัวใหม่นี้ ทั้งการติดตามการแพร่ระบาด วิเคราะห์พันธุกรรม และทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนและยา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

ขณะนี้ ประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อต่อไป

ที่มา Center for Medical Genomics