ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มีอาการหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน ภาวะกลืนลำบาก ลำไส้แปรปรวน (IBS), อาการปวดท้องอาเจียนที่อาจมีสาเหตุจากการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กผิดปกติ, อาการท้องผูกเรื้อรัง จากการทำงานของลำไส้ใหญ่ หรือกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณทวารหนักผิดปกติ หรือภาวะที่กลั้นอุจจาระไม่ได้ แต่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ หรืออาจไปตรวจวินิจฉัยแล้ว แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หรือรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น
เนื่องจากผู้ป่วยโรคการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร มักจะมีอาการคล้ายคลึงกับหลายโรค ทำให้การวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ง่ายนัก จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญการของแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเข้ามาช่วยตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และนำไปสู่การรักษาที่ถูกวิธี ทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้
ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า “ด้วยระบบทางเดินอาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งระบบของร่างกายที่มีความสำคัญมาก ซึ่งมีผลต่อการสร้างคุณภาพชีวิตและไม่ควรละเลยที่จะดูแล จากตัวเลขการรักษาที่บำรุงราษฎร์พบว่ามีผู้ป่วยต่างชาติที่เป็นโรคกรดไหลย้อนถึง 50-60% ขณะที่ผู้ป่วยชาวไทยเป็นกรดไหลย้อน 10% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
ด้วยเหตุผลดังกล่าว “ศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร” (Gastrointestinal Motility Center) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงได้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งถือเป็นเกียรติของบำรุงราษฎร์ที่ได้ผนึกความร่วมมือกับ ‘ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร’ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของบำรุงราษฎร์ในด้านความเป็นเลิศทางการแพทย์ และเป็นการต่อยอดไปอีกขั้นของศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วย”
ผศ. นพ.ยุทธนา ศตวรรษธำรง หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “การก่อตั้งศูนย์เฉพาะทางด้
โดย ‘ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้
ศ.นพ. สุเทพ กลชาญวิทย์ หัวหน้าศูนย์เชี่
แต่ผู้ป่วยอาจมาด้
โรคการเคลื่อนไหวของระบบทางเดิ
ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ตัดสิ