เปิดแนวทางรักษาโควิด หลังเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง

"โควิด" เป็น "โรคติดต่อเฝ้าระวัง" เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในประเทศดีขึ้น แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตลดลง และความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด อยู่ในระดับสูง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา 

สำหรับแนวทางการรักษา กลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด จำเป็นต้องรับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม จะช่วยลดความรุนแรงจากการติดโควิดได้

การตรวจ ATK

• ไม่จำเป็นต้องตรวจทุกวัน ควรตรวจเมื่อมีอาการเข้าข่ายสงสัย เช่น ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก 
• หากผลเป็นบวกแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น เจ็บคอเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หรือมีไข้ต่ำ ๆ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาต้านไวรัสและอาจรับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ลดเสมหะ ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนมาก ๆ แนะนำให้แยกตัวเอง 5 วัน
• หากจำเป็นต้องออกจากบ้าน หรือไปทำงาน ให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMH 100% คือ ใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนอื่น
• หากมีอาการไอมาก ไอบ่อย ไอถี่ หรือมีน้ำมูกมาก ขอให้หยุดงาน และงดเดินทาง 5 วัน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการแพร่กระจายเชื้อ แต่หากมีอาการรุนแรงขึ้น 

แนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด19

• หากไม่มีอาการ จะรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ให้ปฏิบัติตาม DMH อย่างเคร่งครัด 5 วัน
• กรณีมีอาการเล็กน้อย หรือเอกซเรย์ปอดปกติ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง หรือโรคร่วมที่สำคัญ ให้รักษาแบบผู้ป่วยนอก อาจพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจร หรือฟาวิพิราเวียร์ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ปฏิบัติตาม DMH เคร่งครัด 5 วัน
• หากมีปัจจัยเสี่ยง หรือโรคร่วมสำคัญ อาจมีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย หรือไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง แพทย์จะพิจารณาให้ยาแพกซ์โลวิด หรือ เรมดิซิเวียร์ หรือ โมลนูพิราเวียร์
• หากมีปอดอักเสบต้องให้ออกซิเจน หรือความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% ให้รักษาแบบผู้ป่วยใน โดยแพทย์จะให้ยาเรมดิซิเวียร์ 
• ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และหญิงตั้งครรภ์ หากไม่มีอาการ หรืออาการเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส หากมีปัจจัยเสี่ยง แพทย์จะพิจารณาให้ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือเรมดิซิเวียร์ หรือหากมีปอดอักเสบ จะให้ยาเรมดิซิเวียร์
• ใบรับรองแพทย์เพื่อหยุดงาน หรือยื่นเคลมประกัน กรณีผู้ป่วยนอก แพทย์จะออกใบรับรองให้ 5 วัน ส่วนกรณีผู้ป่วยใน ซึ่งอาจจะรักษานานกว่า 5 วัน แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์ตามระยะเวลาที่รักษา