บทสรุป ล้มดีลมธ.รับ "โมเดอร์นา" ฟรี 1.5 ล้านโดสจากโปแลนด์

03 พ.ย. 2564 | 03:35 น.

ดราม่าดีล “โมเดอร์นา” ฟรีจากโปแลนด์จำนวน 1.5 ล้านโดส เป็นอันยุติลง เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศไม่ออกใบรับรองตัวตนให้กับทาง มธ. เป็นเหตุให้ไม่สามารถยืนยันตัวตนกับทางผู้บริจาคได้ ฐานเศรษฐกิจจะมาสรุปไทม์ไลน์ให้ชมกัน

26 ส.ค.64 มธ.และรพ.เอกชนรายหนึ่งได้ร่วมกันทำเรื่องเพื่อรับบริจาคทางโปแลนด์ฟรี 1.5 ล้าน โดส ซึ่งมีความต้องการหนังสือรับรองจากทางกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยืนยันตัวตน ในวันที่ 22 ต.ค. 64 
 

24 ต.ค.64 ได้มีหนังสือด่วนจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าไม่สามารถออกใบรับรองให้ได้ในการบริจาคครั้งนี้ ว่อนไปทั่วโลกโซเชียล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น ว่ารัฐตั้งใจจะเบรกดีลดังกล่าว
 

25 ต.ค.64 กระทรวงการต่างประเทศ แถลงยืนยันว่าไม่ได้เบรกห้ามรับบริจาคการรับโมเดอร์นาดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า แค่ต้องการให้รัฐดีลกับรัฐเองจะเหมาะสมกว่า
 

2 พ.ย.64 เพจโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ได้เผยความคืบหน้าถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า... 
 

"เมื่อไม่สามารถได้รับจดหมายจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งยืนยันการยินดีรับบริจาค ไปยังรัฐบาลโปแลนด์โดยตรง เพื่อรับรองการประสานงานกับธรรมศาสตร์ ซึ่งมีฐานะเป็นเพียงหน่วยงานของรัฐในประเทศไทยภายในวันที่ 31 ตุลาคม ธรรมศาสตร์จึงไม่สามารถยืนยันสถานะของตัวเองว่าเป็นตัวแทนในการรับบริจาคในนามของรัฐบาลไทยได้  และเมื่อเป็นเช่นนั้น การเจรจาติดต่อ และการทำความตกลงในเรื่องวัคซีน Moderna ที่จะขอรับบริจาคจากโปแลนด์ในครั้งนี้ จึงจำต้องยุติลง และสำนักงานสำรองทางยุทธศาสตร์ของรัฐบาลโปแลนด์ คงจะดำเนินการเกี่ยวกับวัคซีนที่Moderna จำนวน 1.5 ล้านโดสนี้ ตามที่เห็นสมควรต่อไป”
 

เย็นวันดังกล่าว (2 พ.ย) กระทรวงการต่างประเทศออกมาชี้แจงว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

 

ตัวแทนบริษัทวัคซีนได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศในลักษณะเดียวกันว่า จะต้องไม่มีการนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาลโปแลนด์ ไม่เคยยืนยันว่ารัฐบาลโปแลนด์ยินดีบริจาควัคซีนดังกล่าวให้ฝ่ายไทย
 

โดยที่เป็นที่ชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่งให้เอกชนหุ้นส่วนไปขาย และไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน "โมเดอร์นา" แล้ว กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะมีหนังสือยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว
 

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปแลนด์ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เมื่อหุ้นส่วนเอกชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งยังอาจทำให้บริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนฟ้องร้องรัฐบาลไทยในภายหลัง  การพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศเป็นไปโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
 

เกือบเที่ยงคืนวันที่ 2 พ.ย.64 เพจโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ถึงข้อชี้แจงทางกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่า... 
 

วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ ต่อความให้ยาวขึ้นอีก ด้วยการออกแถลงการณ์ว่า เหตุผลที่ไม่ออกหนังสือรับรองให้ธรรมศาสตร์นั้น มีสองประการ คือหนึ่ง ไม่มีความยินยอมจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนในการที่พวกเราจะไปขอรับบริจาค Moderna มาใช้ในประเทศไทย ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง กต. แถลงว่า ได้ทราบว่าในจำนวนวัคซีน1.5 ล้านโดสที่จะได้รับบริจาคมานั้น ธรรมศาสตร์จะนำมาฉีดให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพียง 500,000 โดส ส่วนอีกหนึ่งล้านโดสจะให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญากับมธ. นำไปจำหน่ายโดยเรียกเก็บเงิน กต.เกรงว่าจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศ และขัดเจตนาของทางโปแลนด์และประเทศไทยจะเสียชื่อเสียง จึงไม่ยอมออกจดหมายรับรองการขอรับบริจาคให้แก่ มธ. 
 

ข้อสังเกตเบื้องต้นของพวกเราก็คือ กต.ไม่เคยแจ้งเหตุผลข้อหลังนี้ให้พวกเราทราบมาก่อนเลย ทั้งด้วยวาจา ผ่านตัวแทนที่ได้รับมอบหมายให้ดีลกับ มธ. และไม่เคยสอบถามรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับ "การค้าวัคซีน" นี้ มายังมธ.เลย แม้ในจดหมายที่เป็นทางการที่ ทาง กต.ตอบมายังอธิการบดี มธ. ก็ไม่เคยแจ้งพวกเรา ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐด้วยกันว่า เกรงจะมีปัญหาเรื่องนี้ ( เพราะหากแจ้งเช่นนั้น มธ . คงจะได้เข้าปรึกษาหารือกับ กต. และหาแนวทางอื่นในการดำเนินการร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศได้ทันท่วงที) คำอธิบายเหตุผลเรื่องนี้ เพิ่งมาปรากฎขึ้นในวันที่ 2 พย. วันนี้เอง 
 

ต่อเหตุผลทั้งสองข้อที่ กต. แจ้งว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถรับรองการรับบริจาคให้แก่ธรรมศาสตร์  ข้อแรกนั้น เรายืนยันว่า ได้แจ้งแก่ผู้แทนที่กต. มอบให้เป็นผู้ประสานงานว่า พวกเรากำลังดำเนินการเพื่อขอความเห็นชอบจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ในการที่จะให้ความเห็นชอบที่โปแลนด์จะบริจาค Moderna ให้แก่มธ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐในประเทศไทย  ซึ่งได้ดำเนินการคู่ขนานไปกับการขอให้ทาง กต. ทำจดหมายแจ้งไปยังโปแลนด์อยู่แล้ว การให้ความยินยอมนี้ จะเกิดง่ายขึ้นด้วยซำ้ หากมีจดหมายจาก กต.รับรองสถานะของธรรมศาสตร์อีกทางหนึ่งด้วย 
 

ในประเด็นที่สอง เรื่องการแบ่งวัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสให้เอกชนคู่สัญญานำไปจำหน่าย นั้น เราได้แจ้งแก่ผู้แทน กต.ตั้งแต่ต้นว่า การบริจาคครั้งนี้ เป็นการบริจาควัคซีนจากคลังสำรองในโปแลนด์ ผู้รับบริจาคจะต้องส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบสภาพ สถานะ และลอตการผลิต ตลอดจนจัดเตรียม dossier ในการจัดส่งและตรวจสอบ จัดการในเรื่อง logisticในการนำวัคซีนไปยังสนามบิน จัดการในเรื่องการขนส่ง การประกันภัยวัคซีน พิธีการศุลกากร และการบริหารจัดการคลังเก็บวัดซีนในประเทศ ตลอดทั้งการประกันภัยผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้คิดเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท และในกรณีการรับบริจาค Astra Zeneca จากหลายประเทศ หลายครั้ง รัฐบาลไทยก็เคยเป็นผู้รับผิดชอบโดยใช้เงินงบประมาณของรัฐจ่ายไปทั้งหมด 
 

ในกรณีของธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่มีงบประมาณแผ่นดินให้จ่ายได้ดังกรณีที่รัฐรับบริจาค เราจึงได้ขอให้ภาคเอกชนคู่สัญญาของเรา เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ไป และตกลงว่าจะให้นำวัคซีนModerna หนึ่งล้านโดส ออกไปกระจายฉีดให้ประชาชนทั่วไป โดยคิดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ประกันภัย และโลจิสติคที่เกี่ยวข้องได้ ตามราคาต้นทุนที่ได้จ่ายไปจริง (at cost )โดยธรรมศาสตร์แจ้งผู้แทน กต. ว่า เราจะตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจกแจงรายการต่างๆพร้อมทั้งแสดงหลักฐานว่า “ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งวัคซีนบริจาค“ลอตนี้ มีจำนวนเท่าใด และจะขอให้ผู้ฉีดวัคซีนในส่วนหนึ่งล้านโดสนั้น ช่วยรับผิดชอบร่วมกันด้วย 
 

ประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อได้คำนวนค่าใช้จ่ายแล้ว เราได้เจรจาตกลงกับเอกชนคู่สัญญาว่า เมื่อหักห้าแสนโดสที่จะมอบให้ธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลเครือข่ายไปฉีดให้ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์โดยไม่เรียกเก็บค่าตอบแทนออกแล้ว วัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสที่เหลือ ตกลงจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในเรื่องการขนส่ง โลจิสติค และประกันภัย รวมเป็นจำนวนโดสละ 400 บาท เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปโดยไม่มีงบประมาณภาครัฐรองรับ ซึ่งก็ตำ่กว่าราคา 1.100 บาทที่เป็นราคาต้นทุนวัคซีนที่หน่วยงานภาครัฐที่นำวัคซีนชนิดนี้เข้ามาในประเทศ เรียกเก็บจากสถานพยาบาลต่างๆอยู่เป็นอย่างมาก เราได้แจ้งหลักเกณฑ์และจำนวนค่าใช้จ่ายที่จะขอเรียกเก็บนี้ให้ผู้แทน กต. ทราบด้วยแล้วเช่นกัน 
 

ข้อที่พวกเรารู้สึกประหลาดใจมาก คือเหตุผลข้อที่สองของ กต. ที่เพิ่งแถลงขึ้นในวันนี้ เรื่องเกรงจะมีการนำวัคซีนไปจำหน่าย จะทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเหตุผลและความกังวลที่ไม่เคยแจ้งหรือปรึกษากันก่อนเลย เพราะหากเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขหลักในการออกหนังสือรับรองไปยังโปแลนด์ มธ. อาจจะหาทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณและการเงิน ให้ช่วยรับภาระในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในเรื่องวัคซีนที่ประเทศไทยได้จ่ายไปหลายหมื่นล้านบาทแล้วในปัจจุบัน  เพื่อออกใช้แทนเอกชนไป เพื่อให้ได้วัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ ลอตนี้ นำเข้ามาฉีดให้กับประชาชนอย่างกว้างขวางแล้วก็ได้