แถลงเช้านี้ จับตาตลท.จ่อห้ามซื้อขายหุ้น MORE -ปปง.งัดข้อมูล

14 พ.ย. 2565 | 01:29 น.

เช้านี้ ! ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงแนวทางแก้ปัญหากรณีหุ้น “MORE” จับตาข้อมูล ปปง. - คาด ตลท.จ่อห้ามซื้อขายชั่วคราว

 

ปมประเด็นร้อนการซื้อขายหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด(มหาชน) หรือ "หุ้น MORE"  ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นมูลค่ารวมกว่า 4,300 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวว่าผู้รับซื้อไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าซื้อได้ ภาระทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่คีย์ออเดอร์ซื้อออกไป  ทั้งนี้มีรายงานว่ามีโบรกเกอร์หลายรายได้รับความเสียหายจากการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น และอาจเข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรณีการบิดเบือนราคา

 

อ่านเพิ่ม : 20 โบรกเกอร์อ่วม! รับภาระจ่ายค่า "หุ้น MORE" 4.5 พันล้าน
 

 

เช้าวันนี้ ( 14 พ.ย.65) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) จะร่วมกันหารือในเช้าวันนี้ เพื่อหาทางออกว่าจะมีการชำระราคาหุ้น MORE ที่ครบกำหนดชำระในวันที่ 14 พ.ย.กันอย่างไร  โดยมีแนวทางที่จะขอให้ระงับไว้ก่อนเพื่อรอการตรวจสอบ  คาดว่าเบื้องต้น ตลท.จะขึ้นเครื่องหมาย SP หรือห้ามซื้อขายชั่วคราว

 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.โอยูบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล" ประเมินว่า วันนี้ ปปง.อาจมีข้อมูลยืนยันเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการกระทำผิดพรบ.ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเหตุผลให้ ตลท.สั่งพักการซื้อขายหุ้น หรือชะลอการชำระราคาหุ้น MORE ได้ ความเสี่ยงหายหรือผันผวนต่อตลาดฯ อาจไม่กระทบมาก  เพราะหากผิดนัดชำระขึ้นมาจริง ๆ จะกระทบมากกว่า  แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้โบรกเกอร์รายใดรายหนึ่งต้องล้ม แต่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเกณฑ์คุมความเสี่ยงที่กฏหมายระบุว่า หากเงินกองทุนต่ำกว่าระดับหนึ่ง ไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนด จะถูกห้ามทำธุรกิจระยะหนึ่ง

 

" คาดว่า ปปง. คงต้องแสดงหลักฐานหรือข้อมูลอออกมา เพื่อที่จะส่งต่อให้ ตลท.ฯใช้เป็นเหตุผลในการประกาศระงับการซื้อขาย หรือขึ้นเครื่องหมาย "SP"   " นายกิจพณ กล่าวและว่า

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงแถลงออกมาในแนวทาง ยืนยันความแข็งแกร่งและสถานะของโบรกเกอร์ ว่า ต่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาจริง ๆก็สามารถที่จะรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น ถามว่าจะไปถึงจุดนั้นหรือไม่ ขึ้นกับว่า ปปง.จะขยับขึ้นมาดำเนินการอะไรเพิ่มหรือไม่  เพราะหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์คือทำให้เกิดการซื้อขายไปได้  ในกรณี MORE ที่ฝั่งการซื้อและการขาย เกิดการกระจุกตัว จนทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมาจากบุคคลเดียวกัน ถ้า ปปง.มองเห็นว่ามีการผิด พรบ.ตลาดหลักทรัพย์ และออกประกาศ รวมถึงมีการกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้อง ตรงนี้อาจเป็นเหตุผลให้ ตลท.สั่งชะลอการซื้อขายหุ้น หรือชะลอการชำระราคา ลดความเสียหายหรือผันผวนต่อตลาดฯ ได้ "

 

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ "MORE"  ณ วันที่ 30 ก.ย.2565 ประกอบด้วย

 

  • 1.นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ 1,547,200,165 หุ้น หรือ 23.69%
  • 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 886,525,028 หุ้น หรือ 13.57%
  • 3.นาย ศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล 742,862,800 หุ้น หรือ 11.37%
  • 4.นาย อภิมุข บำรุงวงศ์  586,778,233 หุ้น หรือ 8.98%
  • 5.นาย วสันต์ จาวลา 431,989,100 หุ้น หรือ 6.61%
  • 6.นาย สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา 279,000,065 หุ้น หรือ 4.27%
  • 7.UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED 193,747,000 หุ้น หรือ  2.97%
  • 8.น.ส. อรเก้า ไกยสิทธิ์136,114,700 หุ้น หรือ 2.08%
  • 9.นาย เอกภัทร พรประภา 122,118,400 หุ้น หรือ 1.87%
  • 10.น.ส. จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ 85,134,000 หุ้น หรือ 1.30%