สยบศึก PTT ??

27 ต.ค. 2565 | 20:30 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

 *** เป็นเรื่องดีที่ JKN ของ “แอน จักรพงษ์” สามารถบรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ Miss Universe Organization หรือ MUO ได้เรียบร้อยในมูลค่าราวๆ 800 ล้านบาท ซึ่งดีลนี้จะทำให้ JKN ได้สิทธิในการจัดประกวด Miss Universe รวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงานประกวดดังกล่าวทั่วโลก โดย MUO มีประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์การประกวด Miss Universe ไปแล้วถึง 94 ประเทศ รวมไปถึงได้สิทธิ์ในการจัดประกวด Miss USA การจัดประกวด Miss Teen USA ที่อยู่ภายใต้สัญญานี้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เผยแพร่ Soft Power เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักและโดดเด่นทั่วโลกแล้ว สิ่งที่ JKN จะได้รับก็จะมีผลประโยชน์ที่เกิดจากลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงการที่ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Commerce ของ JNK ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากจะถูกสอดแทรกเข้าไปด้วยเช่นกัน
 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนรอบนี้จะสร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของ JKN ให้กลับคืนมา แต่การลงทุนด้วยตัวเงินที่มากถึง 800 ล้านบาท แม้ว่าในระยะยาวอาจจะเป็นผลดี แต่อย่าลืมว่า การลงทุนแบบจ่ายไปก่อน มักจะมีผลกระทบกับประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัท ดังนั้น ถ้าใครชอบหุ้นตัวนี้ อาจจะต้องหาจังหวะตอนย่อเพื่อลงทุนในระยะยาว เพราะถ้ารีบเข้าก็มีโอกาสเจ็บตัว เพราะราคาหุ้นขึ้นมามากแล้วนั่นเองค่ะ
 

*** ราคาหุ้นของ DELTA ปรับตัวลงแรง หลังจากที่แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ออกมา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักลงทุนบางส่วนได้ขายทำกำไรในลักษณะที่เรียกว่า Sell on Fact หลังจากที่เห็นผลงานแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักวิเคราะห์จากหลายสำนักจะมองว่า ผลการดำเนินงาน 3/65 จะออกมาน่าพอใจก็ตาม แต่การที่ราคาหุ้นอยู่ในระดับราคาที่สูงมาก ก็ทำให้อัพไซต์ของราคาหุ้นมีปริมาณจำกัดตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม อีกเรื่องที่อิทธิพลกับราคาหุ้นของ DELTA อยู่มาก ก็เป็นเรื่องของโอกาสในการกลับเข้าไปอยู่ในดัชนี SET50 SET100 
 

เพราะถึงแม้มูลค่าการตลาด (Market Cap) จะโตพอที่จะทำสามารถกลับเข้าไปอยู่ในดัชนีทั้งสองได้ แต่ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในเรื่องของฟรีโพล์ทซึ่งเคยทำให้ DELTA ต้องถูกถีบออกมาจากดัชนีคำนวณทั้งสองยังไม่ได้รับการแก้ไข และเมื่อไม่มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก็หมายความว่าโอกาสที่ DELTA จะกลับเข้าไปอยู่ใน SET50 SET100 ก็คงต้องรอไปเรื่อยแบบไม่มีกำหนดเช่นกัน
 

*** ถ้าไม่นับเอา THAI ที่กำลังอยู่ในแผนฟื้นฟู ก็ถือว่าหุ้นสายการบินที่เหลืออยู่อย่าง AAV และ BA เป็นหุ้นที่เริ่มกลับมาน่าสนใจ อย่างหนึ่งเป็นเพราะกระแสเปิดเมืองที่ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบิน เริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมามาก จนทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น 
 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหลายอย่างจะดูดีขึ้นมาก แต่เจ๊เมาธ์ยังมองว่าการขาดทุนสะสมต่อเนื่องกันมาหลายปีจะทำให้ทั้ง AAV และ BA ยังคงเป็นบริษัทที่ไม่มีกำไรต่อไปอีกพักใหญ่ๆ หรือ ถ้าจะทำได้ดีที่สุดก็เพียงแค่ขาดทุนน้อยลงเท่านั้น และเมื่อใดก็ตามหลังจากที่ราคาหุ้นของทั้งสอง เริ่มกลับเข้าไปสู่จุดที่สมดุลอย่างที่ควรจะเป็น จะทำให้ราคาหุ้นของทั้งคู่เริ่มกลับมานิ่ง หรือ อาจจะขยับตัวได้ช้ามากๆ แบบที่เคยเป็นมาในช่วงก่อนการระบาทของโควิด-19 ซึ่งหมายความว่า ยิ่งราคาหุ้นขยับขึ้นไปสูงก็ยิ่งทำให้ทั้ง AAV และ BA มีความเสี่ยงตามไปด้วยนั้นเอง เอาเป็นว่าสำหรับสายการบินทั้ง 2 ถ้าเล่นรอบสั้นๆ ก็น่าจะพอได้ แต่หากให้ถือยาว...ถึงตอนนี้น่าจะเสี่ยงเกินไปแล้วค่ะ
 

*** PTT เป็นที่จับตามองหลังเกิดความขัดแย้ง ที่จะมีการเปลี่ยนตัวประธานบอร์ด ปตท. แม้ไม่มีสัญญาณ หรือ ผลพวงต่อการทำธุรกิจโดยตรงชัดๆ แต่การทำงานก็ไม่รื่นไหล ล่าสุดนายกรัฐมนตรีถึงกับเรียกทั้ง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และ ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานบอร์ด PTT มาเคลียร์ใจเรียบร้อย ให้ทำงานร่วมกันโดยไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก แว่วว่า ทศพรเอง ก็ยอมรับข้อเสนอทั้งหมดแล้ว ทั้งประเด็นการตั้งซีอีโอบริษัทลูก กระทั่งเรื่องอื่นๆ ก็ต้องดูกันต่อ PTT จะเดินไปในทิศทางใด แน่นอนถ้าลดความขัดแย้งลง และเคลียร์กันได้สนิทจริง องค์กรก็จะเดินหน้าไปได้ราบรื่น ฟันฝ่าอุปสรรคสร้างความมั่นคงพลังงานไทยไปได้ 

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,831 วันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565