นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แก๊งก์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวในงาน อบรมหลักสูตร Wealth of Wisdom : WOW ของ ฐานเศรษฐกิจ และกรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อ "เสพงานศิลป์อย่างมีค่า" โดยแนะนำให้นักลงทุนไทย ทดลองเปลี่ยนแอคเซสอื่นๆ 5-10% มาทำ Art Investment เพราะงานศิลปะของไทย ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก
ปัจจุบันงานศิลป์ของไทย ไปเติบโตสร้างมูลค่าในแกลอรี่ต่างประเทศ ทั้งในนิวยอร์ ไมอามี่ และที่อื่นๆ โดนในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา มีงานของศิลปินไทย 5-6 คน ที่ได้ไปแสดงในงานอาร์ตโลก
ในขณะที่มูลค่าของงานศิลปะ มีโอกาสเติบได้สูง ยกตัวอย่างหลายๆ งานศิลปะ ที่เวลาผ่านได้ มูลเพิ่มได้ 100-200% นอกจากนี้ เทรนด์ของการเอานำงานศิลปะเข้าไปอยู่กับสินค้าไฮเอนท์ ก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับงานศิลปะอีกทางหนึ่ง ส่งผลให้การซื้อขายงานศิลป์มีความคล่องตัวสูง ทัศนคติของคนกับงานศิลป์ก็เปลี่ยนไป
นายเสริมคุณ ยังกล่าวอีกว่า มูลค่าของงานศิลปะจะมีมากหรือน้อย มีหลายปัจจัย ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความต้องการ เมื่อมีความร้องการมาก ราคาก็จะสูง มูลค่าก็เพิ่มสูงขึ้น อีก เรื่องคุณภาพของงาน รวมทั้งชื่อของศิลปิน นอกจากนี้ ความหายาก และรสนิยม ของผู้ซื้อก็มีผลต่อมูลค่างานศิลปะด้วยเช่นกัน
ส่วนวิธีการซื้อ ส่วนหนึ่งอาจเลือกซื้อโดยตรงจากเพื่อน หรือตัวศิลปิน ซึ่งต้องอาศัยความรู้มากพอสมควร ในขณะที่การซื้อผ่านการประมูล จะเป็นช่องทางที่น่าสนใจเพราะมีคนคัดเลือกงานมาให้แล้ว โดยสามารถดูราคาอ้าวอิง (reference price)ได้จากข้อมูลการประมูล
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลงทุน นายเสริมคุณ กล่าวว่า ไม่แนะนำการลงทุนไปในศิลปินคนเดียว และเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะ…ไม่มีเซียนศิลปะในโลกเช่นเดียวกับ การไม่มีเซียนหุ้นในโลก ด้วยเช่นกัน
ด้านริก้า ดีล่า ที่ปรึกษาอาวุโส (Senior Consultant) ของ Phillips Auction House กล่าวเสริมว่า สำหรับของสะสม สามารถเริ่มต้นได้จากของที่ชอบ และเลือกเริ่มสะสมในสิ่งที่มีโอกาสเติบโต อันไหนที่มีคนชอบ และมีคนมองอยู่เหมือนกับเรา ต้องพยายามศึกษาดูว่าราคาเป็นอย่างไร มีคนเล่นไหม มีคนบิทไหม
ปัจจุบันธุรกิจการประเมินเติบโตดีมาก และเป็นตลาดที่ช่วยทำให้นักสะสม สามารถเลือกช้อปของที่ใช่และชอบ ที่สามารถมั่นใจได้ 100% ว่า ของที่เราเลือกมาเป็นของดีจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ของสะสมเป็นของที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ นางริก้า ยกตัวอย่างนาฬิกาสะสมของตัวเอง ที่ซื้อมาด้วยราคาประมาณ 1 ล้านบาท สามารถเพิ่มขึ้นเป็น9 ล้านบาทในปัจจุบัน แต่ในตลาดของสะสม ผู้สะสมอาจจะทำในลำบากนิดหนึ่งหากชื่นชอบกับของสะสมที่มีมากๆ และเป็นของสะสมที่ตลาดมีความต้องการ เราอาจจะจะไม่ค่อยอยากขาย เพราะมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น จนเมื่ออยากได้กลับมาครอบครอง อาจไม่สามารถซื้อกลับมาไม่ได้