CKP ทุ่ม 2.1 หมื่นล้าน ซื้อหุ้นเพิ่มทุน"หลวงพระบางพาวเวอร์" เพิ่มเป็น 50%

19 ต.ค. 2565 | 02:59 น.

บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เตรียมเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน "หลวงพระบางพาวเวอร์" หรือ LPCL จากผู้ถือหุ้นเดิม เพิ่มเป็น 50% โดยใช้งบกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 24 พ.ย. เคาะ

 

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จัดประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 24 พ.ย. 65 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัทหลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด (LPCL) มูลค่ารวม 21,521.76 ล้านบาท ประกอบด้วย
         

 

  • 1.การเข้าซื้อหุ้นสามัญใน LPCL จากบริษัท พีที จำกัดผู้เดียว (PTS) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน จำนวน 0.26 ล้านหุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 8.00 % ของทุนจดทะเบียน และชำระแล้วของ LPCL จำนวน 32.00 ล้านบาท ณ วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง LPCL) ซึ่งมีมูลค่ารวม 2.56 ล้านบาท โดยภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าวทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน LPCL เพิ่มจาก 42.00% เป็น 50.00% ของทุนจดทะเบียนของ LPCL

 

  •  2. การเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนของ LPCL ในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 21,519.20 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาการลงทุนของผู้ถือหุ้น (Equity Contribution Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้ โดยให้บริษัททยอยชำระเงินทุนดังกล่าวตามกำหนดการเรียกชำระเงินทุนของ LPCL จนกว่าการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (โครงการ LPHPP) จะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ (ภายในเดือนธันวาคม 2572)
     

 

นอกจากนี้ อนุมัติการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Loan) แก่ LPCL ในกรณีการจัดหาเงินของ LPCL ไม่เพียงพอต่อการก่อสร้างโครงการ LPHPP ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดโดยอาจจะเกิดจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากที่ประมาณการไว้(Cost Overrun) (หากมี)ในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 9,166.30ล้านบาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วไม่เกิน 18,505.54 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาให้การสนับสนุนทางการเงิน (SponsorsSupport Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้
          

รวมทั้งการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PTS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ LPCL ด้วยการชำระเงินทุนแทนในกรณีที่ PTS ไม่สามารถชำระเงินทุนตามส่วนของตนที่มีพันธะผูกพันได้จนงานก่อสร้างโครงการ LPHPP แล้วเสร็จ โดยบริษัทจะรับผิดชอบในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 14,336.60ล้านบาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วไม่เกิน 29,737.81 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาการลงทุนของผู้ถือหุ้น (Equity Contribution Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้
 

 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้อนุมัติแต่งตั้งให้ บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลและประโยชน์ต่อบริษัท ความเป็นธรรมของราคาและเงื่อนไขของรายการที่เกี่ยวโยงกัน