AOT เสือติดปีก ได้สนามบินรัฐบริหารเบ็ดเสร็จ คาดพลิกฟื้นกำไรปี 66

31 ส.ค. 2565 | 08:12 น.

AOTเสือติดปีก ได้สนามบินรัฐบริหารเบ็ดเสร็จ หลังครม.ไฟเขียวโอนสนามบินให้บริหารเพิ่ม 3 แห่ง ภายใต้การบริหารงานเพิ่มเป็น 9 แห่ง โบรกฯ คาดพลิกฟื้นกำไรปี 66 จากรายได้ส่วนเพิ่มในอนาคต

หลังจากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 ส.ค.65 เห็นชอบให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT เข้าไปเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลและบริหารจัดการ 3 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี , ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานกระบี่ แทนกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพื่อขับเคลื่อนการขนส่งทางอากาศของประเทศไทยสู่การเชื่อมโยงโครงข่ายระบบท่าอากาศยานระหว่างประเทศต่อไป

 

โดยทอท.ได้กำหนดแผนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง กรอบวงเงินลงทุนประมาณ 9,199.90 ล้านบาท 
 

อ่านเพิ่ม :  ครม.ไฟเขียว ทอท. เข้าบริหาร 3 สนามบิน แทนกรมท่าอากาศยาน

 

ข่าวดังกล่าวหนุนให้ราคาหุ้น AOT บวกสวนตลาด ปิดการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ (31ส.ค. 65) ปรับเพิ่มขึ้น 0.34% หรือเพิ่มขึ้น 0.25 บาท มาอยู่ที่ 72.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 765.25 ล้านบาท จากราคาเปิด 72.00 บาท ราคาสูงสุด 72.75 บาท และราคาต่ำสุด 71.75 บาท
 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์หุ้น AOT โดยมีมุมมอง Positive ต่อการได้รับ 3 สนามบินจากกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ สนามบินอุดรธานี สนามบินกระบี่ และ สนามบินบุรีรัมย์

 

  • 1. เพิ่ม Capacity ให้กลุ่มสนามบินของ AOT 
  • 2. เพิ่ม Hub การบินภาคอีสาน และ
  • 3 เป็นรายได้ส่วนเพิ่มในอนาคต เพราะใน 1-2 ปีแรกคาดว่าจะยังไม่มีนัยสำคัญ

          
และได้เปลี่ยนคำแนะนำเป็น Trading Buy จากเดิม Neutral และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (ประมาณการปี 66) เป็น 78 บาท จากเดิม 67 บาท สะท้อนโอกาสในอนาคตจากการได้รับ 3 สนามบินภูมิภาคมาบริหาร รวมทั้งคาดพลิกฟื้นกำไรในปี 66 และโอกาสจากโครงการ Airport city

 

บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์  แนะซื้อเก็งกำไรหุ้น AOT เป้าหมาย Consensus ที่ 75 บาท  จากจุดเด่นดังนี้

 

  • ครม.เห็นชอบให้ AOT บริหารสนามบินเพิ่ม 3 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ 
  • คาด Q1/66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) จะพลิกกลับมากำไรได้จากผลบวกฤดูกาลท่องเที่ยวไทย และจากการขยายเวลาพำนักให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากไม่เกิน 30 วันเป็นไม่เกิน 45 วัน นาน 6 เดือน มีผล 1 ต.ค.65
  • ผลขาดทุนลดลงต่อเนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดย Q3/65 (เม.ย.-มิ.ย. 65) ขาดทุนลดลง 46%YoY และ 33%QoQ และคาดจะลดลงต่อใน Q4/65

 

ให้แนวรับ 71.00- 72.00 บาท แนวต้าน 74.50-75.50 บาท

 

 

งบกำไรขาดทุน บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ปี 2562-2565


 

สอดคล้องกับ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) โดยฝ่ายวิจัยบริษัทฯ ประเมินว่าเป็นบวกต่อหุ้น AOT ที่จะมีสนามบินเพิ่มจาก 6 แห่ง เป็น 9 แห่ง และทำให้มี Hub  ทางภาคอิสานเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีภาคเหนือ กลาง และใต้ ส่วนสนามบินกระบี่อาจมาแทนที่สนามบินพังงาที่เดิมจะใช้รองรับการเติบโตของสนามบินภูเก็ต จากเดิมที่จะมีการก่อสร้างสนามบินที่พังงา แนะนำ "ถือ" ไว้ก่อน เพื่อรอข้อมูลที่ชัดเจน พื้นประเมินราคาพื้นฐานใหม่

 

อนึ่ง"ฐานเศรษฐกิจ" สำรวจราคาหุ้นเหมาะสม จาก IAA Consensus  15 แห่ง ณ วันที่ 31 ส.ค 2565  ให้ราคาเป้าหมาย AOT เฉลี่ยที่ 75.43 บาท สูงสุดที่ 85.00 บาท และต่ำสุดที่ 64.00  บาท 

 

ปัจจุบัน AOT มีมูลค่าบริษัท (มาร์เก็ตแคป) ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 1,035,713 ล้านบาท  อัตราผลตอบแทนหุ้น YTD เพิ่มขึ้น 18.85% จากราคา ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ระดับ 61.00 บาท ล่าสุดอยู่ที่  72.50 บาท  

 

ผลประกอบการงบ 9 เดือน/2565 สิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2565 AOT ขาดทุนสุทธิ 9,755.32 ล้านบาท โดยขาดทุนลดลง 1,409.22 ล้านบาท หรือติดลบลดลง 12.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (  9 เดือน/2564 ) ที่ขาดทุนสุทธิ 11,164.54 ล้านบาท  โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปีงบ 2566  ( ต.ค.65-ก.ย. 66 ) บริษัทจะสามารถพลิกฟื้นกำไร 

 

โครงสร้างผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก ประกอบด้วย

 

  • กระทรวงการคลัง 10,000,000,000 หุ้น  สัดส่วน 70.00%
  • บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 589,916,400 หุ้น  สัดส่วน    4.13%
  • SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED    333,248,014 หุ้น  สัดส่วน 2.33%
  • สำนักงานประกันสังคม    235,499,500 หุ้น  สัดส่วน 1.65%
  • STATE STREET EUROPE LIMITED189,403,914 หุ้น  สัดส่วน    1.33%