26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

22 ก.ย. 2565 | 06:25 น.

นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ปลุกประมงพื้นบ้าน ทั่วประเทศ นำทัพบุกทำเนียบ วันที่ 26 ก.ย. ปักหลักหลังทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู ลั่นที่ผ่านมาให้รัฐบาลมาพอสมควรแล้ว ยังไร้คำตอบ

26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

 

นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ว่า สมาคมรักษ์ทะเลไทย และ สมาคมสมาพันธุ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยพร้อมภาคีน้ำพริกปลาทู จะบุกทำเนียบทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ต่อเนื่องกันมา ล่าสุดทางกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปรับฟังความคิดเห็นการประกาศตามมาตรา 57 ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือนำสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้นเรือประมงนั้นมาเพื่อประกอบการพิจารณาการออกร่างประกาศ แล้วหลังจากไปรับฟังเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วนั้นก็เงียบไปอีก จึงต้องไปทวงถามว่าสรุปอย่างไร

 

26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

 

“หากจำกันได้ก่อนนี้จากล่องเรือจากแม่น้ำปัตตานี ทวงคืนน้ำพริกปลาทุเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งใช้ระยะเวลา 14 วัน ผ่านมาจนถึงวันนี้เราให้เวลารัฐบาลมาพอสมควรแล้ว มาครั้งนี้ก็เอาให้สุดจะเอาอย่างไรกับเรื่องปลาทู เรื่องสัตว์วัยอ่อน ทางกลุ่มก็เดินหน้ามาตลอด ตั้งแต่ปี 2561 มาแล้ว จะมาว่าเราดื้อแพ่งก็คงไม่ใช่ก็ว่าไปตามเหตุและผล”

 

26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

 

นายวิโชคศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ปลาทูลดเหลือ 20,000 ตัน จากที่เคยจับปลาทูได้ปีละ 1 แสนกว่าตัน ต้องนำเข้าปลาทูจากต่างประเทศถึง  5 แสนตันต่อปี สาเหตุทั้งหมดนี้มาจากที่สัตว์น้ำวัยอ่อนถูกจับขึ้นมาจากทะเล มีลูกปลาทูติดมาด้วยจำนวนมากโดยที่ภาครัฐไม่มีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านก็ทำเพื่อรณรงค์หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน ทวงคืนน้ำพริกปลาทู ฟื้นฟูทะเลไทย

 

 

26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

 

ล่าสุดทางกรมประมงก็มีการเสนอ 1. กำหนดชนิดสัตว์น้ำเพื่อนำร่องกำหนดมาตรการ ได้แก่ ปลาทู- ลัง และปูม้า 2. กำหนดความยาวขนาดเล็กที่ห้ามจับปลาทู- ลัง เท่ากับ 15 เซนติเมตร ปูม้า 8.5 เซนติเมตร 3. กำหนดร้อยละสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ห้ามจับ ซึ่งกลุ่มชาวประมงที่ใช้อวนตาถี่ในการจับก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการคัดค้าน ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องดูผลประโยชน์ส่วนรวม

 

26 ก.ย. บุกทำเนียบ “ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู”

 

แต่ประเด็นก็คือ หลังจากฟังความคิดเห็นมาแล้ว แต่ก็มีงานวิชาการตอบโจทย์แล้วว่าทำไมถึงกำหนด ใช้กระบวนการแบบไหน ซึ่งก็อยู่ที่กรมประมงทั้งหมด แล้วทำไมเงียบไปอีก อยากจะถามความคืบหน้าในการจัดการของรัฐบาลว่าจะจัดการอย่างไร ก็ตอบมา