ตามรอย “เจ้าสัวสารัชถ์” เชื่อเถอะ รวยในพริบตา

25 ส.ค. 2565 | 00:30 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา โดย...บากบั่น บุญเลิศ

ฮือฮากันทั้งประเทศ เมื่อฟอร์บส์ออกรายการการจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ความมั่งคั่งของประเทศ ไทยในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ว่า นายสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของธุรกิจพลังงานครบวงจรและธุรกิจโทรคมนาคม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) เป็นมหาเศรษฐีผู้รํ่ารวยที่สุดในประเทศไทย

 

มีการถือครองทรัพย์สินที่สะท้อนความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ประมาณ 421,260 ล้านบาท หรือประมาณ 11,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

ทรัพย์สินของเขาที่มีอยู่นั้น สามารถซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีมูลค่าราว 5,000 ล้านปอนด์ หรือตกประมาณ 214,000 ล้านบาท ได้สบาย หากว่าเสี่ยกลางจะเปลี่ยนใจจากสาวกหงส์แดงมาเป็นผีแดงที่กำลังแรงฤทธิ์...

 

มูลค่าทรัพย์สินของนายสารัชถ์ที่เพิ่มขึ้น 1.04% อยู่ในอันดับ 162 ของโลก แซงหน้าบรรดาเจ้าสัวใหญ่ตระกูลดังที่ครอบครองตำแหน่งนี้มายาวนานในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

แซงหน้า นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของบริษัทเบียร์ช้าง ประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ประธานกรรมการ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของบริษัท แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของกลุ่มเครือไทยโฮลดิ้ง และบริษัทในเครือสุรามหาราษฎร์ ที่ถือครองทรัพย์สินอยู่ที่ 417,690 ล้านบาท หรือราว 11,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้ความมั่งคั่งลดลง 0.28% อยู่อันดับ 163 ของโลก

 

แซงหน้า นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เจ้าของธุรกิจรายใหญ่ในประเทศไทยถึง 13 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร, กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและเคมีเกษตร, กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ, กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร, กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง, กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์, กลุ่มธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่าย, กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม, กลุ่มธุรกิจพลาสติก, กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจยานยนต์, กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจการเงินและการธนาคาร

 

ปรากฏว่าในปีนี้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ มีมูลค่าการถือครองทรัพย์สินอยู่ประมาณ 410,550 ล้านบาท หรือราว 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ รวยลดลง 0.45% อยู่อันดับ 164 ของโลก

 

ความมั่งคั่งของนายสารัชถ์ ที่ก้าวกระโดดขึ้นมาจากต้นปีที่ถือครองทรัพย์สินอยู่ราว 387,000 ล้านบาท เป็นมหาเศรษฐีในอันดับ 4 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 มูลค่าความมั่งคั่ง 421,260 ล้านบาท นั้นถือว่า ไม่ธรรมดาเอามากๆ

แสดงว่า การถือครองหุ้นในกิจการต่างๆ ของนายสารัชถ์นั้น มีอัตราการเติบโตพุ่งพรวดเป็นจรวด

 

หากนับนิ้วมือที่กัลฟ์เติบใหญ่มาจนเข้าตลาดหุ้น นายสารัชถ์ ได้ขยายอาณาจักรกัลฟ์ ออกไปหลายมิติมาก จากบริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น ไปสู่ บริษัท กัลฟ์ โคเจนเนอเรชั่น ขยายไปในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็น บริษัท กัลฟ์ ยะลา กรีน, บริษัท กัลฟ์ ไอพีพี, บริษัท กัลฟ์ ทีเอส1, บริษัท กัลฟ์ วีทีพี, บริษัท กัลฟ์ เจพี

 

ระยะต้นกลุ่มธุรกิจในเครือกัลฟ์ จำกัดวงอยู่ในกลุ่มธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจก๊าซ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจพลังงานนํ้า และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังกลายเป็นฐานใหญ่ในอนาคต ตอนนี้ กลุ่มกัลฟ์ มีโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในไทยและต่างประเทศราว 25-30 แห่งแล้วละครับ

 

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 กัลฟ์แจ้งกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,395 ล้านบาท

 

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 มีรายได้รวม 24,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาส 2/2565 เท่ากับ 4,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% หรือเพิ่มขึ้น 1,645 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน ไตรมาส 2/2565 เท่ากับ 3,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,680 ล้านบาท หรือ 120% จากไตรมาส 2/2564

 

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรจากโครงการ GSRC หน่วยที่ 1-3 ที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2564 เดือนตุลาคม 2564 และเดือนมีนาคม 2565 ตามลำดับ

 

การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,172 ล้านบาท แค่ไม่ถึงปี รวยเป็นพันล้านบาท!

 

หลายคนสงสัยว่า นายสารัชถ์ ถือหุ้นในกิจการใดบ้าง สัดส่วนเป็นอย่างไร มูลค่ามากน้อยแค่ไหน ทางออกนอกตำราจะพามาตามรอย เผื่อใครจะรวยตามไปด้วย

 

ธันวาคม 2564 นายสารัชถ์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในนามส่วนตัว คิดเป็นสัดส่วน 35.55% มูลค่าการถือครองหุ้น รวม 173,099.73 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 57,809.73 ล้านบาท หรือ 50.14%

 

ผมติดตามแบบเกาะติดถึงความมั่งคั่งของนายสารัชถ์ มาอย่างต่อเนื่อง พบว่ามูลค่า เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้เขาก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีแรก โดยสารัชถ์ผู้ถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 มีความมั่งคั่งรวม 120,959  ล้านบาท

 

พอถึงปี 2563 ความมั่งคั่งในการถือครองทรัพย์สินของนายสารัชถ์ลดลงเหลือ 115,289  ล้านบาท 

 

พอถึงปี 2564 ความมั่งคั่งทะยานขึ้นสู่ 173,099  ล้านบาท จากราคาหุ้นของ GULF ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560

 

ทว่า หากติดตามในสัดส่วนการถือหุ้นจริงจะพบว่า นายสารัชถ์นั้นถืออยู่อีกหลายส่วน และไม่ได้รวยแค่นี้

ตามรอย “เจ้าสัวสารัชถ์” เชื่อเถอะ รวยในพริบตา

เฉพาะบริษัท GULF นายสารัชถ์ถือหุ้นอันดับ  1. จำนวน 4,171,077,791 ล้านหุ้น ถ้าเอาคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ราคา 50 บาท เท่ากับว่า มีมูลค่า 208,553 ล้านบาท 

 

อันดับ 2. UBS AG SINGAPORE BRANCH ถือหุ้น 1,473,068,577 หุ้น คิดเป็น 12.55% มูลค่าตกประมาณ 73,653 ล้านบาท

 

อันดับ 3. GULF CAPITAL HOLDINGS LIMITED ถืออยู่ 1,160,431,363 หุ้น คิดเป็น 9.89% มูลค่าตกประมาณ 58,021.56 ล้านบาท

 

เชื่อหัวผมได้เลยครับว่า นายสารัชถ์ มีหุ้นอยู่ใน GULF CAPITAL HOLDINGS LIMITED ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า 20%

 

อันดับ 4. GULF INVESTMENT AND TRADING PTE. LTD. ถือหุ้นอยู่ราว 877,250,502 หุ้น คิดเป็น 7.48% มูลค่าตกประมาณ 43,862 .52 ล้านบาท

 

เชื่อหัวผมอีกครา นายสารัชถ์น่าจะถือหุ้นอยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัท GULF INVESTMENT AND TRADING PTE. LTD. ไม่น้อยกว่า 20-30%

 

อันดับ 5. บริษัท กัลฟ์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดถือหุ้นอยู่ราว 551,729,877 หุ้น คิดเป็น 4.70% มูลค่าตกประมาณ 27,586.49 ล้านบาท

 

เชื่อหัวผมอีกครั้งเถอะครับว่า นายสารัชถ์น่าจะถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทนี้ไม่น้อยกว่า 30-40%

 

ถ้านับเฉพาะหุ้นทางตรงและทางอ้อมในอันดับ 3-4-5 ผมคาดการณ์ว่ามูลค่าหุ้นที่นายสารัชถ์ถืออยู่ในบริษัท GULF น่าจะไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทเป็นอย่างตํ่า

 

คราวนี้มาดูการตัดสินใจลงทุนของ เสี่ยกลาง-สารัชถ์ จะเห็นภาพได้ว่า เขารวยมาอย่างไร หลังจาก บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ทำ Tender Offer หุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) มูลค่า 48,611 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ปัจจุบัน GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้น INTUCH อันดับหนึ่งรวม 42.25% แซงหน้า SINGTEL อันดับ2 สัดส่วน 21.21%

 

ตอนนั้น GULF ได้ตั้งโต๊ะซื้อหุ้น INTUCH ช่วงวันที่ 29 มิถุนายน -4 สิงหาคม 2564 ที่ราคาหุ้นละ 65 บาท

 

ปรากฏว่า หลังสิ้นสุดการทำ tender offer มีผู้เสนอขาย 747,874,638 หุ้น คิดเป็น 23.32% รวมเป็นมูลค่า 48,611 ล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่ถืออยู่ ทำให้ GULF เป็นผู้ถือหุ้น INTUCH อันดับหนึ่งที่สัดส่วน 42.25%

 

กล่าวคือ ถือหุ้น INTUCH ในนาม บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,122,383,763 หุ้น คิดเป็น 35% และถือหุ้นในนาม GULF ENERGY DEVELOPMENT PCL. จำนวน 241,050,289   หุ้น คิดเป็น 7.52% รวม 2 ส่วนถือหุ้นอยู่ 1,363,434,052 หุ้น รวมเป็น 42.52%

 

นับจากนั้นจนถึงปัจจุบัน หุ้นที่รับซื้อผ่านกระบวนการตั้งโต๊ะมาที่ราคา 65 บาท ตอนนี้ยืนพื้นเฉลี่ยที่ระดับราคา 75 บาท เท่ากับว่ากำไรจากราคาหุ้น  13,634 ล้านบาท จากราคาทุน 48,611 ล้านบาท

 

ใครเดินตามเจ้าสัวกลาง-สารัชถ์ จึงรวยไม่รู้เรื่องเข้าไปด้วย

 

เพราะในบรรดาเจ้าสัวหรือมหาเศรษฐีทั้งหมดในเมืองไทย ไม่มีใครเผชิญเหตุเอง เจรจาเอง ลงมือทำเอง ประสานงานเอง เท่ากับ เจ้าสัวสารัชถ์ รัตนาวะดี อีกแล้วใน พ.ศ.นี้

 

สดๆ ร้อนๆ กลุ่ม AIS ประกาศซื้อธุรกิจบรอดแบนด์ 3BB จากกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ในราคารวม 19,500 ล้านบาท และซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) สัดส่วน 19% คิดเป็นมูลค่า 12,920 ล้านบาท รวมธุรกรรมทั้งสองส่วนมูลค่าร่วม 32,420 ล้านบาท

 

ถ้าทาง กสทช. อนุมัติ เชื่อได้ว่าราคาจะวิ่งขึ้นไปอีกรอบ จากเดิมที่แค่แจ้งผลข้อตกลงราคาหุ้นวิ่งไปหุ้นละ 2 บาทแล้ว

 

คิดอย่างเจ้าสัว เดินตามเจ้าสัว...เชื่อผมเถอะครับ รวยไปด้วย...