หนองบัวลำภู จังหวัดเล็กๆ ของภาคอีสานตอนเหนือ จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู มาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 เป็นจังหวัดใหม่ที่แยกตัวมาจากจังหวัดอุดรธานีนั่นเอง แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวมิได้น้อยหน้าไปจากจังหวัดอื่นเลย ทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แดนธรรมะ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อย่างสถานที่ที่แนะนำให้ลองไปเที่ยวกันดู
สถานที่แรก “วัดถํ้ากลองเพล”...อย่าหาว่าไปไหนๆ ก็พามาวัด เพื่อความ เป็นสิริมงคลของตนเอง ที่วัดนี้เป็นวัดป่าที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ตั้งอยู่เชิงเขาภูพาน เป็นวัดเก่าแก่ บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ บริเวณวัดปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ และสวนหินธรรมชาติ บริเวณอุโบสถ มีลักษณะเหมือนถํ้า และเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นหลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งท่านได้รับ ความเคารพนับถือจากพุทธศาสนิกชนในฐานะพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน สายของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถเข้ามาสักการะ หรือพักผ่อนสงบจิตสงบใจกันได้
ถํ้าเอราวัณ ธรรมชาติงามที่ห้ามพลาด ความสวยงามของหินที่สลับเป็นชั้น ทรงแปลกตา เป็นถํ้าที่ตั้งอยู่บนภูเขาหินปูน หรืออีกชื่อหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกขานกัน คือ ผาถํ้าช้าง เพราะหากมองจากที่ไกลๆ จะมีลักษณะเหมือนช้างกำลังหมอบ ตัวถํ้ามีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีบันไดคดเคี้ยวไปมามากกว่า 600 ขั้น บริเวณปากถํ้ามีพระพุทธรูปอยู่ รวมถึงหินรูปพญาช้างนั่งคุกเข่าที่สวยงาม
ไม่ขึ้นเขาก็ลองไปชม “พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปี” ที่นี่ถือเป็น Unseen ของจังหวัดหนองบัวลำภูก็ว่าได้ ที่นี่เหมาะมากกับผู้ที่ชื่นชอบความเก่าแก่ยุคดึกดำบรรพ์ เพราะมีทั้งซากฟอสซิลของหิน หอยโบราณ และโครงกระดูกในยุคไดโนเสาร์บรรพบุรุษทีเร็กซ์ อายุราว 140-150 ล้านปี ซึ่งค้นพบจำนวนมากที่บริเวณหน้าผาสูงชัน 50 เมตร มีสภาพที่สมบูรณ์ และยังค้นพบซากกระดูกจระเข้โบราณ เศษหินจาไมก้า และแร่ธาตุบางชนิดอีกด้วย เรียกได้ว่า เหล่าสาวก Jurassic Park และคนที่ชอบศึกษาของสะสมโบราณ ไม่ควรพลาด
สักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นแหล่งจารึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของบรรพบุรุษ ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอหนองบัวลำภู อยู่ติดกับริมหนองนํ้าใจกลางเมือง เป็นอนุสรณ์เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จยกกองทัพมาที่หนองบัวลำภู เมื่อปี พ.ศ. 2117 เพื่อไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดี ที่กรุงศรีสัตนาคนหุตในขณะนั้น
แหล่งโบราณคดีภูผายา มีดีที่ภาพเขียน สีก่อนประวัติศาสตร์ บนผนังถํ้า ซึ่งมีอยู่หลายส่วน โดยมีการสันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้มีอายุระหว่าง 2,000 - 3,000 ปี ทั้งภาพคน ภาพสัตว์เลื้อยคลาน ภาพโครงร่างสัตว์ขนาดใหญ่ ทำ
ให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์มากๆ
คนชอบชมวิวสวยๆ ต้องไม่พลาด ที่ อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ที่นี่มีพื้นที่กว้างถึง 333 ตร.กม.มีจุดท่องเที่ยวทั้งหมด 2 จุด คือ ภูเก้า และภูพานคำ ซึ่งภูเก้าจะประกอบไปด้วยภูเขา 9 ลูก ที่มีความสลับซับซ้อนไปด้วยป่าไม้ ถํ้า นํ้าตก และลานหิน ไฮไลต์ของภูเก้าอยู่ที่ศาลาบนยอดหิน หรือที่เรียกกันว่า หอสวรรค์ ซึ่งสามารถชมวิวบริเวณภูเก้าได้ทั้งหมด ส่วนภูพานคำ จะอยู่ทางด้านตะวันออก ด้านบนจะมีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบ นักท่องเที่ยวนิยมนำเต็นท์ขึ้นไปตั้งเพื่อชมวิว แนะนำว่าหากจะมาก็ต้องเที่ยว ก็จัดไปให้ครบทั้ง 2 แห่ง
มาแล้วต้องไปจุดชมวิวช่องเขาขาด ตั้งอยู่ก่อนที่จะถึงทางเข้าอุทยานฯ ภูเก้า - ภูพานคำ เพียง 100 เมตร อยู่ใกล้ หัวโค้งอาจจะอันตรายหน่อย ชมวิวที่สวยงาม เพราะจะเห็นทั้งทิวทัศน์ของทะเลสาบ อ่างเก็บนํ้าเขื่อนอุบลรัตน์ และยังรวมถึงเป็น
หนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งของหนองบัวลำภูด้วย
เป็นอีกจังหวัดหนึ่งของไทยที่ไม่น่าพลาดในการไปเที่ยวชมกัน...
หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,543 วันที่ 26 - 29 มกราคม พ.ศ. 2563