คัดให้ถูก เลือกให้เป็น

ตลาดหุ้นช่วงนี้นับว่าผันผวนหนัก ลงทุนยาก เพราะยังถูกกดดันจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ยังไม่แน่นอนและส่อเค้ายืดเยื้ออีกนาน โดยจะเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในหุ้นไทย เช่นเดียวกับทุกตลาดในภูมิภาค

มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 5 เดือนติดต่อกัน แต่ถ้าดูจากค่าเฉลี่ยแล้วมูลค่าการซื้อขายในเดือนกันยายน ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปี ขณะที่มูลค่าการระดมทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วง 9 เดือนแรกสูงถึง 720 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน

ถามว่า แล้วแบบนี้จะยังลงทุนอะไรได้บ้างในตลาดหุ้นไทย ถ้าเจาะรายกลุ่มจะพบว่า ยังมีหุ้นใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี หรือ Set Index คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการ ซึ่งมีปัจจัยภายในประเทศสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ทั้งโอกาสจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและพลังงาน การขยายตัวของเขตเมืองและการท่องเที่ยว

ทั้งนี้หากเทียบกับดัชนี ตลาดหลักทรัพย์ฯจากต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน 2562 พบว่าดัชนีเพิ่มขึ้น 4.7% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีนํ้าหนัก 10% ในตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทน 17.3% กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมีนํ้าหนัก 6% ยังให้ผลตอบแทน 14.7% กลุ่มทรัพยากร ซึ่งมีนํ้าหนัก 23% ให้ผลตอบแทนที่ 10.5% และกลุ่มบริการ ซึ่งมีนํ้าหนักลงทุน 23% ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน 8.1%

หากดูเฉพาะเดือนกันยายน ผลตอบแทนจากการลงทุนของหุ้นทั้ง 4 กลุ่มยังติดลบที่ 1.8, 5.0, 1.5 และ 2.5% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเดือนกันยายนติดลบ 4.4%

แบบนี้บอกได้เลย บนวิกฤติยังมีโอกาส แต่ต้องเลือกและคัดให้ดี โอกาสทำกำไรได้สวยๆ

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,513 วันที่ 13 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562