บึงกาฬ... เมืองเล็กเสน่ห์ปัง!!

15 ต.ค. 2562 | 05:40 น.

จังหวัดบึงกาฬ  จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย น้องเล็กสุดท้อง เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่หลายคนอาจยังไม่นึกถึง แต่บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ Unseen ขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ทีเดียว  และยังมีสถานที่สวยแปลกเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง แต่ละแห่งสวยงามแปลกตา คุ้มค่าแก่การเดินทางมาเที่ยวที่นี่   ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดี  แหล่งท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมประเพณีของที่นี่  ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนาน อย่างเช่นเทศกาลต่างๆ สงกรานต์, บุญบั้งไฟ และประเพณีแข่งขันเรือยาว เป็นต้น สถานที่่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย อาทิ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูวัว, นํ้าตกเจ็ดสี, นํ้าตกตาดกินรี, นํ้าตกตาดวิมานทิพย์, บึงโขงหลง และภูทอก เป็นต้น

ทำให้จังหวัดนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล  จึงไม่น่าแปลกใจที่จังหวัดบึงกาฬ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีพื้นที่ติดกับแม่นํ้าโขง และแขวงบอลิคำไซสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ได้รับวัฒนธรรมแบบผสมผสานจากประเทศลาวอีกด้วย

บึงกาฬ... เมืองเล็กเสน่ห์ปัง!!

รู้จักจังหวัดแล้ว ขอพาไปชมสถานที่เที่ยวเลยดีกว่า ที่แรกที่แนะนำ “หินสามวาฬ” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู  มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก เมื่อมองดูจากระยะไกล หิน 3 ก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วย พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน  ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์ มองเห็นผืนป่า ทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่นํ้าโขงและภูเขาเมืองปากกระดิง ประเทศลาว สวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ

ที่ต่อไปที่ต้องไปเยือนคือ “ภูสิงห์”  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพูเช่นกัน เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลก เกิดเป็นหน้าผา ถํ้า และกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ กระจายอยู่
ทั่วพื้นที่ของภูสิงห์ จนเกิดเป็นความงดงามของธรรมชาติที่น่าสนใจ ภูสิงห์มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ลานธรรมภูสิงห์, จุดชมวิวลานธรรม, จุดชมวิวถํ้าฤาษี, หินช้าง, หินรถไฟ, ลานหินลาย และกำแพงหินภูสิงห์ เป็นต้น เรียกได้ว่ามาเที่ยวภูสิงห์ที่เดียวเที่ยวได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

บึงกาฬ... เมืองเล็กเสน่ห์ปัง!!

ต่อกันอีกสักภู...ที่ “ภูทอก” เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง อาจมองได้ไกลถึงเทือกเขาในเขตจังหวัดนครพนม บริเวณโดยรอบภูทอกล้อมรอบด้วยทัศนียภาพที่สวยงามและเงียบสงบจุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพ รอบๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันไดเวียนไปมารอบภูทอกเห็นวิวแบบ 360 ภู นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม สะพานเวียนที่วนขึ้นไปสู่ยอดเขารวมทั้งหมด 7 ชั้น เป็นทางเดินขึ้นไปยังกุฏิและถํ้าที่อยู่ตามหลืบผา จากด้านบนนักท่องเที่ยวจะมองเห็นความสวยงามของภูมิประเทศเบื้องล่างได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มีมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อยๆ ไฮไลต์ของภูทอก คือ พุทธวิหารอันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมีลักษณะแปลกและน่าอัศจรรย์ คือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมาเพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี คล้ายๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่เมียนมา ปกติแล้วภูทอกจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมแต่จะเปิดให้ขึ้นในช่วงวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี ใครจะไปชมคงต้องวางแผนกัน ล่วงหน้าแถมอีกที่แล้วกัน...“อุทยานแห่งชาติภูลังกา” ครอบคลุมพื้นที่ของตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม และอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ

ช่วงฤดูท่องเที่ยวจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีดอกไม้ กล้วยไม้ป่า และรองเท้านารีบานสะพรั่งบนยอดภูลังกา ภายในอุทยานมีจุดท่องเที่ยว ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง ทั้งเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เที่ยวถํ้าต่างๆ เช่น ถํ้ายา ถํ้าพ่อสง่า ถํ้าตาทัด ถํ้าเกีย และถํ้าอาจารย์วัง เป็นต้น หรือจะเป็นนํ้าตก เช่น นํ้าตกกินรี นํ้าตกตาดขาม นํ้าตกตาดโพธิ์ เป็นต้น หรือจะเดินทางพิชิตยอดภูลังกา ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน  สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะพิชิตยอดภูลังกา จำเป็นที่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อย่างน้อยเป็นเวลา
7 วัน

จะไปเยือนจังหวัดบึงกาฬตามที่แนะนำนั้นบอกเลยว่าต้องฟิตร่างกายกันสักนิดเพราะต้องเดินไกลเดินทนสักนิด...มีโอกาสจะย้อนกลับมาพาเที่ยวจังหวัดนี้อีก...

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,513 วันที่ 13 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562

บึงกาฬ... เมืองเล็กเสน่ห์ปัง!!