ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง "หญิงเอเชีย" เสี่ยง "มะเร็งเต้านม" เพิ่ม 4-6 เท่า

10 เม.ย. 2562 | 04:51 น.


ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง ทำให้ "ผู้หญิงเอเชีย" เสี่ยงเป็น "มะเร็งเต้านม" เพิ่มขึ้น 4-6 เท่า อย่าละเลย อย่ากลัวที่จะเข้ารับการตรวจคัดกรอง รู้เร็วในระยะเริ่มต้น สามารถช่วยชีวิตได้

จากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก ระบุว่า มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง โดยพบในผู้หญิงมากกว่า 2 ล้านคนในแต่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับในประเทศไทยที่มะเร็งเต้านมเป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของโรคมะเร็งที่สร้างภาระให้กับภาคสาธารณสุข และเป็นมะเร็งอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า ในปี 2560 มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม 38.73% ของโรคมะเร็งทั้งหมดที่พบในผู้หญิง และคาดการณ์ว่าจะคงอยู่ในลำดับสูงสุดไปจนถึงปี 2568

"เต้านม" ประกอบด้วย ไขมันและเนื้อเยื่อเต้านม ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง หมายถึง การที่เต้านมมีส่วนประกอบของเนื้อเยื่อเต้านมมากกว่า 50% ซึ่งพบมากในผู้หญิงเอเชีย นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้แล้ว เนื้อเยื่อเต้านมที่สูงนี้ อาจลดความแม่นยำของการตรวจแมมโมแกรมได้ เยี่ยมชมข้อมูลเกี่ยวกับความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านมเพิ่มเติมได้ที่
GE Healthcare Breast Density Animation

ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านมไม่สามารถระบุได้โดยการคลำตรวจ หรือ โดยดูรูปร่างภายนอกของเต้านม แต่สามารถระบุได้จากการตรวจด้วยแมมโมแกรม แม้ว่าการทำแมมโมแกรมจะเป็นการตรวจมาตรฐาน แต่ในผู้ที่มีเนื้อเต้านมที่มีความหนาแน่นสูงจะทำให้ความไวในการตรวจแมมโมแกรมลดลง ทั้งนี้ รังสีแพทย์จะประเมินความหนาแน่นของเนื้อเต้านมขณะที่ทำการวินิจฉัยภาพแมมโมแกรม

 

ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง "หญิงเอเชีย" เสี่ยง "มะเร็งเต้านม" เพิ่ม 4-6 เท่า

 

นายแพทย์เฉลิมเดช กรรณวัฒน์ รังสีแพทย์ ศูนย์ถันยรักษ์ เผยว่า มะเร็งเต้านมในระยะแรกอาจจะยังไม่มีอาการ ถ้ามะเร็งเต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการคลำได้ก้อนในเต้านม โดยก้อนที่คลำได้มักไม่เจ็บ อาการอื่น ๆ ของมะเร็งเต้านมที่อาจพบได้ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงที่หัวนม เช่น หัวนมบุ๋ม มีเลือดออกจากหัวนม มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนัง ขนาดของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง หรือ มีการบวมอักเสบ ถ้ามะเร็งลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองอาจคลำได้ก้อนที่รักแร้ ในการคัดกรองหามะเร็งเต้านม วิธีที่เป็นวิธีมาตรฐาน คือ การตรวจด้วยแมมโมแกรม อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงไทยมักจะมีความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมที่สูง ทำให้ลดความแม่นยำของการตรวจด้วยแมมโมแกรม จึงมักจะตรวจด้วยอัลตราซาวด์ควบคู่ไปกับแมมโมแกรม เพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะต้น ๆ

การตรวจหามะเร็งเต้านมให้พบตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้ผลการรักษาดีกว่า มีทางเลือกในการรักษามากกว่า อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่า เช่น หากมะเร็งเกิดอยู่ในบริเวณเต้านมเท่านั้น ไม่ได้ลามไปที่อื่น อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปี จะมากกว่า 92% แต่หากมะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปี จะลดลงเหลือ 84% และหากมะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปี จะเหลืออยู่เพียง 27% เท่านั้น สำหรับคำแนะนำในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยทั่วไปจะแนะนำให้เริ่มตรวจตอนอายุ 40 ปี (สำหรับศูนย์ถันยรักษ์แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปี) หลังจากนั้น ให้ตรวจเป็นประจำทุกปี หรือ ตามที่แพทย์แนะนำ

 

ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง "หญิงเอเชีย" เสี่ยง "มะเร็งเต้านม" เพิ่ม 4-6 เท่า

 

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมยังคงสูงในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ คือ การวินิจฉัยโรคที่ช้าเกินไป ผู้หญิงทุกคนจึงควรตระหนักถึงเรื่องนี้ มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมบางท่านเข้ามารับการตรวจเมื่ออายุมากแล้ว โดยมีเหตุผลที่ฟังดูเหมือนเรื่องธรรมดา คือ กลัว กลัว 2 กลัว คือ กลัวเจ็บเวลารับการตรวจ เพราะได้ยินได้ฟังคนอื่นมา และกลัวว่า เมื่อตรวจแล้วพบว่า ตัวเองเป็นมะเร็งเต้านมจะทำอย่างไร จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร เรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดานี้ สร้างความกังวลให้กับผู้เข้ารับการตรวจท่านนี้เป็นเวลานาน กว่าที่จะตัดสินใจเข้ารับการตรวจก็มีอายุ 50 ปี และเมื่อตรวจด้วยแมมโมแกรมแล้ว พบว่า มีความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านมสูง แพทย์จึงส่งตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์และผลที่ออกมา คือ ไม่เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นการปลดความกังวลทั้งปวงที่มีมานาน และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสบายใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แล้วทำไมเราจึงไม่ขจัดความกังวลเสียตั้งแต่ต้น

ดังนั้น จึงเชิญชวนให้ผู้หญิงมาเข้ารับการตรวจโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะเทคโนโลยีหลากหลายที่ทันสมัยในปัจจุบันช่วยในการวินิจฉัยสะดวก รวดเร็ว และสร้างความสบายใจให้ผู้เข้ารับการตรวจได้อย่างดี และแน่นอนว่า หากตรวจพบได้เร็วเท่าใด ความสำเร็จในการรักษาก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น

 

ความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง "หญิงเอเชีย" เสี่ยง "มะเร็งเต้านม" เพิ่ม 4-6 เท่า

 

ด้าน ดร.ราจาน คาลีดินดี ผู้จัดการใหญ่ จีอี เฮลธ์แคร์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในเทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัยเต้านมของ จีอี เฮลท์แคร์ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งเต้านมจากแบบตั้งรับไปสู่แบบเชิงรุก คือ เครื่องอัลตราซาวด์เต้านมสามมิติแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อตรวจเต้านมเพิ่มเติมจากการตรวจด้วยแมมโมแกรม เครื่องมือที่ทันสมัยนี้ช่วยให้ความสะดวกสบาย ไม่ใช้รังสี และได้รับการพัฒนาเพื่อการตรวจคัดกรองเต้านมที่มีความหนาแน่นสูงได้ภายในเวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ทั้งยังได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับสรีระของผู้หญิงด้วยรูปทรงและขนาดที่แนบสนิทกับเต้านม เพื่อช่วยลดแรงกดสัมผัสขณะตรวจวัด การทำงานแบบอัตโนมัติช่วยลดข้อผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ลดความกังวลของผู้เข้ารับการคัดกรอง และทำให้ไม่กลัวที่จะเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับประเทศไทยเป็นที่ทราบกันว่า ปัจจุบัน คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) ได้บรรจุให้การรักษาโรคมะเร็งเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) โดยจะดูแลครอบคลุมมะเร็งทุกประเภท รวมถึงมะเร็งเต้านม

ข้อมูลจาก สปสช ระบุว่า ช่วงปี 2559-2561 มีการเบิกจ่ายค่าบริการโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 4,117,504 ครั้ง และชดเชยค่ารักษา 26,679 ล้านบาท โดย 5 อันดับแรกของโรคมะเร็งที่มีผู้ป่วยเข้ารับบริการมากที่สุด คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก ดังนั้น นอกจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในการรักษา การใช้เทคโนโลยีในการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำแล้ว การสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการตรวจหามะเร็งเต้านมแต่เนิ่น ๆ มีความสำคัญมาก และผู้หญิงทุกคนควรทราบถึงความเสี่ยงของตน เช่น อายุ ประวัติคนในครอบครัว ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ข้อมูลเหล่านี้ประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ