เชื่อเฟดยังไม่ขยับดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อจะขึ้นเกินคาดหมาย

21 ก.ย. 2559 | 23:00 น.
เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย จากอานิสงส์ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น กลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความยุ่งยากต่อการตัดสินใจของเฟดในการปรับขึ้นดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนกรกฎาคม เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 0.1% ขณะที่ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนสิงหาคม ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 1.1% ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคหลัก ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเดือนก่อน นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเมื่อเทียบกับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักเพิ่มขึ้น 2.3%

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ดีกว่าความคาดหมายสร้างความซับซ้อนให้กับการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่จะประชุมกันในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด โดยก่อนหน้านี้ตัวเลขเศรษฐกิจในหลายส่วนที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควรทำให้นักวิเคราะห์มองว่าเฟดน่าจะยังไม่ปรับดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ดีกว่าคาดจะทำให้การอภิปรายมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น

"เศรษฐกิจอาจจะไม่สดใสในทุกส่วน แต่การเติบโตมีมากพอจะกระตุ้นเงินเฟ้อได้มากกว่าที่เราคิดเล็กน้อย การตัดสินใจของเฟดดูเหมือนจะคาดเดายากจนถึงวินาทีสุดท้าย" คริส รัพคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอ็มยูเอฟจี ยูเนียน แบงก์ ในนิวยอร์กให้ความเห็น

ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนยังคงเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อจะดีกว่าความคาดหมาย โดยนักเศรษฐศาสตร์จากเจพีมอร์แกนยังคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกันไดแอน สวองค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีเอส อีโคโนมิกส์ ที่กล่าวว่า "ข้อมูลเงินเฟ้อเหนือความคาดหมาย และมันจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กับเจ้าหน้าที่เฟดที่ต้องการขึ้นดอกเบี้ย แต่เรายังเชื่อว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยเอาไว้"

ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจอีกหลายตัวที่ค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งรวมถึงตัวเลขค้าปลีกเดือนสิงหาคมที่ลดลง 0.3% การจ้างงานเดือนสิงหาคมที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลง และกิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัวลง ต่างสนับสนุนความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยไว้เช่นเดิมในการประชุมสัปดาห์นี้

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน จากระดับ 0-0.25% ที่คงไว้ตั้งแต่ปลายปี 2551 ขึ้นมาเป็น 0.25-0.5% และนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด รวมถึงเจ้าหน้าที่ทางการของเฟดหลายราย แสดงท่าทีว่าต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้เฟดยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากปัจจัยทั้งภายนอก อาทิ ความผันผวนของตลาดการเงินช่วงต้นปี และการทำประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ และเศรษฐกิจภายในที่ไม่เข้มแข็งเท่าที่คาดหมาย ทำให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปออกไป

ทั้งนี้ เงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าและบริการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยราคาน้ำมันที่ลดลง โดยค้าใช้จ่ายด้านการแพทย์เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเดือนก่อน นับเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2527

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,194 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2559