‘อาเบะ’ หนุนอังกฤษอยู่อียูต่อ เตือนถ้าออกจะลดความน่าสนใจในฐานะแหล่งลงทุน

10 พ.ค. 2559 | 08:00 น.
ชินโซะ อาเบะ เป็นผู้นำประเทศรายล่าสุดที่กล่าวเตือนการออกจากการเป็นสมาชิกอียูของอังกฤษ โดยระบุว่าอังกฤษจะสูญเสียความน่าสนใจในสายตานักลงทุนญี่ปุ่นถ้าออกจากอียู เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นมองอังกฤษเป็นประตูสู่ยุโรป

นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศอังกฤษในสัปดาห์นี้ เตือนว่า หากชาวอังกฤษลงมติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) จะทำให้อังกฤษมีความน่าสนใจลดน้อยลงในฐานะแหล่งลงทุนสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น

แม้นายอาเบะจะกล่าวว่า การตัดสินใจว่าจะเป็นสมาชิกอียูต่อไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับชาวอังกฤษ แต่ขณะเดียวกันได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าญี่ปุ่นสนับสนุนการเป็นสมาชิกอียู "ญี่ปุ่นต้องการให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อไป บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาจัดตั้งธุรกิจในอังกฤษ ด้วยเหตุผลหลักเพราะอังกฤษเป็นประตูสู่อียู มิตรสหายของอังกฤษทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่น จะจับตาดูการตัดสินใจในการลงประชามติวันที่ 23 มิถุนายนอย่างใกล้ชิด" นายอาเบะกล่าว และเสริมว่า ปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 1,000 รายทำธุรกิจอยู่ในอังกฤษ โดยมีการจ้างงานประมาณ 140,000 ตำแหน่ง

ด้านนายคาเมรอนกล่าวว่า บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในอังกฤษเป็นมูลค่า 3.8 หมื่นล้านปอนด์ โดยมีบริษัทอย่างนิสสัน ฮอนด้า และฮิตาชิ เป็นผู้นำในการลงทุน พร้อมทั้งระบุว่า อังกฤษได้รับประโยชน์จากการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นมากกว่าทุกประเทศนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา

นายอาเบะนับเป็นผู้นำประเทศรายล่าสุดที่กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติของชาวอังกฤษ โดยคำกล่าวของนายอาเบะเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมากล่าวเตือนว่า อังกฤษจะถูกลดความสำคัญในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ถ้าตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกอียู

"ในอนาคตอาจจะมีข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯ เกิดขึ้นได้ แต่จะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะเราให้ความสำคัญกับการเจราจากับอียูเป็นลำดับแรก" นายโอบามากล่าว

นอกเหนือจากนายอาเบะและนายโอบามา นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ตลอดจนนางจูลี บิช็อป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ต่างออกมากล่าวเตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากผลการทำประชามติออกมาเลือกให้อังกฤษออกจากอียู อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความเห็นจากหลายประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง แต่การสำรวจความเห็นก่อนการลงประชามติยังแสดงให้เห็นว่าทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านมีคะแนนเสียงสูสีกัน
ผลสำรวจความเห็นทางอินเตอร์เน็ตล่าสุดโดยบีเอ็มจี ซึ่งสอบถามความเห็นของชาวอังกฤษ 1,500 คนระหว่างวันที่ 22-26 เมษายนที่ผ่านมา พบว่ามี 45% เลือกออกจากอียู และ 43% เลือกอยู่ในอียูต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้นำหลายประเทศแสดงท่าทีว่าต้องการให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อไป นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน ได้ออกมากล่าวสนับสนุนการออกจากอียูของอังกฤษ โดยทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ว่า "ผมคิดว่าผู้อพยพเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับยุโรป และส่วนใหญ่มีปัจจัยมาจากอียู โดยส่วนตัวผมคงต้องบอกว่ามันจะเป็นการดีกับอังกฤษมากกว่าถ้าไม่มีอียู แต่ที่ผมพูดไม่ได้เป็นการให้คำแนะนำ เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัว"

ทรัมป์กล่าวอีกว่า "ผมรู้จักอังกฤษดีมาก ผมมีการลงทุนอยู่ที่นั่นเป็นจำนวนมาก ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่มีอียูจะดีกว่า แต่ผมต้องการให้พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง" ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว พร้อมกับกล่าวโจมตีนายโอบามาที่ออกมาแสดงความเห็น โดยชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ควรมีความเป็นกลางในเรื่องดังกล่าวมากกว่านี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559