2563…ปีที่โลกร้อนที่สุด อากาศแปรปรวนสุดขั้ว

รายงานของ WMO ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลกปี 2563 (State of the Global Climate in 2020) ระบุว่า ความร้อนของมหาสมุทรอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และพื้นที่ของมหาสมุทรกว่า 80% ทั่วโลกต้องเผชิญคลื่นความร้อนทางทะเลเป็นครั้งคราวในปีนี้ ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. 2563 ยังสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงปี 2393-2443 ราว 1.2 องศาเซลเซียส ทำให้ปี 2563 มีแนวโน้มจะติดอันดับ 1 ใน 3 ของ ปีที่ร้อนที่สุดในโลก

ความร้อนสูงจะมีผลต่อโลกอย่างไรบ้าง?

ความร้อนที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศที่อยู่ใกล้พื้นผิวมหาสมุทรในรูปแบบที่ต่างกัน เช่นเดียวกับคลื่นความร้อนบนบก ที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง เพลิงไหม้ และพายุหมุนเขตร้อน เป็นต้น

นอกจากนี้ ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ยังเกิดปัญหาการพลัดถิ่นของประชากรราว 10 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแถบจะงอยแอฟริกา ( หรือ Horn of Africa คือส่วนที่อยู่ทางตะวันออกสุดของทวีปแอฟริกา เป็นที่ตั้งของประเทศเอริเตรีย, จิบูตี, เอธิโอเปีย และโซมาเลีย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000,000 กม. ) เป็นส่วนใหญ่

รายงานยังระบุว่า แม้จะมีการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ทว่าความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุณหภูมิโลกจะร้อนขึ้นอีกหลายชั่วอายุคน เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์ยังคงอยู่ในชั้นบรรยากาศไปอีกนาน

นอกจากนี้ โรคโควิด-19 ยังเพิ่มระดับความเสี่ยงต่อการอพยพ การฟื้นฟู และการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์หลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกาะติดเส้นทาง "พายุไต้ฝุ่นหว่ามก๋อ" กระทบไทย

ทำความรู้จัก "พายุโซนร้อน

คลิปนาทีชีวิต น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ช่วยสามี-ภรรยา รอดจากรถจมน้ำ

ทั้งนี้ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และโครงการอาหารโลก (WFP) ระบุว่า ในปี 2563 ผู้คนกว่า 50 ล้านคนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศและโรคโควิด-19 ขณะที่หลายประเทศในอเมริกากลางได้รับผลกระทบเป็นสามเท่า คือทั้งจากพายุเฮอริเคนอีตา (Eta) และพายุไอโอตา (Iota) บวกกับปัญหาโรคโควิด-19 และวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่มีอยู่ก่อนแล้ว

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่า ภาวะถดถอยทั่วโลกในปัจจุบันอันเกิดจากโรคโควิด-19 กลายเป็นอุปสรรคต่อการออกนโยบายที่จำเป็นเพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งโอกาสมากมายในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายเพทเทรี ทาลัส เลขาธิการ WMO กล่าวว่า "ปี 2563 เป็นอีกปีที่เกิดปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เราได้เห็นอุณหภูมิที่พุ่งสูงครั้งใหม่ทั้งภาคพื้นดิน มหาสมุทร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอาร์กติก เราเห็นเฮอริเคนเกิดขึ้นหลายลูกเป็นประวัติการณ์ในมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งยังเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำไปสู่การพลัดถิ่นของประชากรจำนวนมาก และบ่อนทำลายความมั่นคงด้านอาหารของผู้คนหลายล้าน"

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 5 ปีของความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง WMO ชื่นชมการให้คำมั่นจากรัฐบาลหลายๆ ประเทศ ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก “เนื่องจากขณะนี้เรายังเดินผิดทาง ทุกฝ่ายจำเป็นต้องพยายามให้มากขึ้น" เลขาธิการ WMO ฝากความหวังในท้ายที่สุด