หลังรู้ผลเลือกตั้งสหรัฐ ผู้นำนานาประเทศแห่แสดงความยินดีต่อชัยชนะของ “โจ ไบเดน”  

08 พ.ย. 2563 | 23:59 น.

บรรดาผู้นำจากนานาประเทศทั่วโลก ส่งสารแสดงความยินดีต่อนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาหลังคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้ง พร้อมให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม โลกยังคงจับตาท่าทีของผู้นำ “จีน” และ “รัสเซีย” ที่ยังคงเงียบสนิทในเรื่องนี้

 

ผู้นำโลก คนแรกที่ทวีต แสดงความยินดีต่อว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ วานนี้ (8 พ.ย.) คือนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐและเป็นสมาชิกร่วมภาคีข้อตกลง “ยูเอสเอ็มซีเอ” หรือข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา ที่นำมาใช้แทนข้อตกลงการค้าเสรีแห่งอเมริกาเหนือ หรือ นาฟต้า  กล่าวว่า แคนาดาและสหรัฐมีความสัมพันธ์ที่พิเศษ เขาเฝ้ารอที่จะได้ร่วมงานกับนายไบเดนและสภาคองเกรส "เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายในระดับโลกไปด้วยกัน" ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสันติภาพ การยกระดับเศรษฐกิจ หรือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ข้อความบนทวิตเตอร์ของนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทวีตข้อความโดยระบุว่า "ขอแสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดน ที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และคามาลา แฮร์ริส ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่" เนื่องจากแฮร์ริสเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐ

 

"สหรัฐเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของเรา และผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลชุดใหม่ในประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนไปจนถึงการค้า และความมั่นคง" นายจอห์นสันระบุ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

นอกจากนี้ ทางฝั่งยุโรป นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นางอันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ต่างก็ได้ร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเช่นกัน พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่มีต่อกัน

ข้อความบนทวิตเตอร์ของผู้นำฝรั่งเศส

นายเดวิด แซสโซลี ประธานรัฐสภายุโรป ทวีตว่า ขอส่งความปรารถนาดีและแสดงความยินดีมายังนายโจ ไบเดน และนางคามาลา แฮร์ริส ที่จะเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา “โลกต้องการความสัมพันธ์ที่มั่นคงแข็งแรงระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก เราหวังว่าจะได้ร่วมกันทำงานใกล้ชิดกับสหรัฐในเรื่องของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมทางเชื้อชาติที่เป็นปัญหามากขึ้น”   

ด้านนายเจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ส่งสารชื่นชมนายไบเดนว่าเป็น "ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง" ของชาติพันธมิตรนาโต และเขาหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมมือกัน เนื่องจากหากองค์กร NATO มีความแข็งแกร่ง ก็จะเป็นผลดีต่อทั้งอเมริกาเหนือและยุโรป

 

ขณะที่ฝั่งเอเชีย นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ทวีตแสดงความยินดีโดยระบุว่า ขอแสดงความยินดีต่อชัยชนะของนายโจ ไบเดน ผู้ซึ่งเมื่อครั้งเป็นรองประธานาธิบดี(ในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัก โอบามา) มีบทบาทสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์สหรัฐ-อินเดียอย่างยิ่งยวด เขาหวังว่าจะได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดอีกครั้งเพื่อพัฒนาให้ความสัมพันธ์นั้นยกระดับสูงขึ้นไปอีก  

หลังรู้ผลเลือกตั้งสหรัฐ ผู้นำนานาประเทศแห่แสดงความยินดีต่อชัยชนะของ “โจ ไบเดน”  

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยได้ส่งสารแสดงความยินดีถึง นายโจ ไบเดน เมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) เช่นกัน โดยมีใจความว่า “ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับ ฯพณฯ โจ ไบเดน และ วุฒิสมาชิก คามาลา แฮร์ริส ในโอกาสที่ท่านได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวอเมริกัน ประเทศไทยในฐานะมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกามายาวนานมากกว่า 200 ปี และเรายังเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียที่ตกลงเป็นภาคีของสหรัฐ เราภาคภูมิใจในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ซึ่งได้สร้างประโยชน์นานัปการแก่ไทยและสหรัฐ รวมถึงความสงบสุข เสถียรภาพ และความมั่นคั่งของภูมิภาคนี้

 

ข้าพเจ้าในนามรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมทำงานกับท่านและรัฐบาลของท่านในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันในทุกระดับต่อไป"

นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ทวีตแสดงความยินดี และย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ฉันพันธมิตรนั้นแข็งแกร่งและมั่นคงประดุจหินผา และหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ขณะที่นายสกอตต์ มอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ว่า นายโจ ไบเดน ผู้ซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐเป็นมิตรแท้ของออสเตรเลียตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเขาเชื่อว่านายไบเดนจะทำให้สหรัฐมีบทบาทสำคัญและเป็นผู้นำในการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ลืมที่จะแสดงความขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และรมว.ต่างประเทศไมค์ ปอมเปโอ ที่ทำงานใกล้ชิดเป็นอย่างดีกับออสเตรเลียในช่วง 4 ปีมานี้   

 

เป็นที่น่าสังเกตจะน่าจับตาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของผู้นำประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐอเมริกาในช่วง 4 ปีมานี้ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือ นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งยังคงเงียบอยู่ ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆออกมาหลังจากที่สื่อสหรัฐประกาศชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการของนายโจ ไบเดน ขณะที่นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่าน ที่ถูกสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรหลายระลอก ออกมาแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ว่า คณะบริหารของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐจะมีโอกาสที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต

 

“โอกาสใหม่ได้เกิดขึ้นแล้วที่คณะรัฐบาลสหรัฐจะได้ใช้ในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในยุคก่อน และกลับเข้ามาสู่พันธกิจที่เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ เริ่มด้วยการให้ความเคารพต่อหลักการที่เป็นสากล”  

 

เป็นไปได้ที่ผู้นำส่วนหนึ่งยังคงสงวนท่าทีเพื่อรอดูสถานการณ์หลังการเลือกตั้งสหรัฐให้คลี่คลายมากกว่านี้เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงดำรงตำแหน่งและเขายืนยันที่จะต่อสู้ทางกฎหมาย โดยอ้างว่ามีการทุจริตเลือกตั้งและเขาถูก “ขโมย” ชัยชนะ

 

นายแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก เป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่ออกมาแสดงความเห็นว่า เขาจะยังไม่แสดงความยินดีต่อชัยชนะของนายโจ ไบเดน จนกว่าการต่อสู้ทางกฎหมาย(ที่คัดค้านชัยชนะของเขา) ได้ข้อยุติ