“เทรเวอร์ มิลตัน” เทวดาปีกหัก ทำนักลงทุนผวาทั้งวอลล์สตรีท

21 ก.ย. 2563 | 23:01 น.

นายเทรเวอร์ มิลตัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทรถบรรทุกไฟฟ้า “นิโคลา” (Nikola) ลาออกแล้ววานนี้ (21 ก.ย.)  หลังถูกแฉว่าบริษัทของเขาอาจมีพฤติกรรมให้ข้อมูลบิดเบือนและหลอกลวงนักลงทุน ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนโดยคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ

 

ข่าวการลาออกของ "เทรเวอร์ มิลตัน" ทำให้ราคาหุ้นของ นิโคลา คอร์ป. ซึ่งก่อตั้งในปี 2557 ร่วงลง 30% ในระหว่างการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ย. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) มาอยู่ที่ระดับ 27.42 ดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การดิ่งลงของราคาหุ้นดังกล่าวก็ทำให้มูลค่าหุ้นในส่วนที่มิลตันถือครองอยู่ราว 1 ใน 3 ของทั้งหมดนั้น ลดลงไปทันทีราว 1,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับราคา ณ ปิดตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.)  

เทรเวอร์ มิลตัน

ชื่อของเทรเวอร์ มิลตัน ติดอันดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ (Billionaires Index) ของทำเนียบการจัดอันดับความร่ำรวยหลายสำนัก กลางปีที่ผ่านมา ( ก.ย. 2562) นิตยสารฟอร์บส์ ประกาศชื่อของเขาเข้าทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านด้วยรายได้สุทธิ 3,200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 99,200 ล้านบาท (ขณะนั้นมิลตันถือหุ้นบริษัทไม่ต่ำกว่า 20% โดยบริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาดที่ 12,400 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 384,400 ล้านบาท) ท่ามกลางกระแสความร้อนแรงของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต่างมุ่งมาทางยานยนต์ไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงทางเลือกอื่น ๆ ที่จัดว่าเป็นพลังงานสะอาด เช่นพลังงานไฮโดรเจน

 

อย่างไรก็ตาม ความร่ำรวยของเทรเวอร์ มิลตัน กำลังถูกตรวจสอบ และบริษัท นิโคลา คอร์ป. (Nikola Corp.) ผู้ผลิตรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง ก็ประกาศเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ว่า นายมิลตัน ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแล้วอย่างเป็นทางการ โดยนายสตีเฟน เกอร์สกี สมาชิกกรรมการบริษัท จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทน

ก่อนหน้านั้นมีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ กำลังสอบสวนบริษัท นิโคลา ภายใต้การบริหารงานของนายมิลตัน ฐานต้มตุ๋นหลอกลวงนักลงทุน หลังจากที่บริษัท ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ได้ออกรายงานกล่าวหาว่า บริษัทนิโคลาหลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอนาคตของบริษัท ซึ่งหลังจากที่ถูกกล่าวหา นายมิลตันก็ได้ออกมาปฏิเสธ และเตรียมรวบรวมข้อมูลแก้ต่างให้กับตนเอง

 

แต่หลังจากที่เขาประกาศลาออก ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อครหาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นว่า หรือบางทีข้อกล่าวหาที่ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ระบุมาจะเป็นเรื่องจริง

 

ทั้งนี้ ชื่อของบริษัท นิโคลา ได้กลายเป็นที่สนใจอย่างมากเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศแผนซื้อหุ้นของบริษัทนิโคลา โดยจะซื้อหุ้นในสัดส่วน 11% คิดเป็นวงเงินราว 2,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้สถานะและอนาคตของนิโคลาดูมีความมั่นคงมากขึ้น ท่ามกลางความคาดหมายว่านี่คือคู่แข่งสำคัญของบริษัท เทสลา ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ

 

รถบรรทุกของนิโคลายังเป็นเพียงรถต้นแบบ ส่วนการผลิตจริงนั้น บริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็นปีหน้า

นิโคลาเป็นบริษัทรถบรรทุกไฟฟ้าที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2557 มิลตันใช้เวลาประมาณหนึ่ง ในการระดมทุนเพื่อพัฒนาและผลิตหัวจักรไฟฟ้า “ต้นแบบ” ออกสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกในปี 2559 สิ่งที่เป็นจุดเด่นสำหรับรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของนิโคลา คือไม่ได้พึ่งพาพลังงานไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการพัฒนาระบบพลังงานไฮโดรเจนร่วมด้วย บริษัทมีเป้าหมายที่จะเริ่มผลิตรถในปีหน้า (2564) และตั้งเป้าสามารถผลิตหัวจักรรถบรรทุกไฟฟ้าได้ 35-50,000 คันต่อปีภายในปี 2566   

ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 เมื่อต้นปีนี้  เทรเวอร์ มิลตัน เดินหน้าประกาศแผนควบรวมกิจการบริษัท นิโคลา กับ VectoIQ Acquisition Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) ของสหรัฐอยู่แล้ว และเมื่อการควบรวมกิจการลุล่วงด้วยดีในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา นิโคลาก็ได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อ NKLA เพื่อการซื้อขายในทันที ราคาหุ้นนิโคลาพุ่งขึ้นถึงสองเท่าหลังเข้าตลาดเพียง 5 วัน และเป็นราคาหุ้นที่ทะยานสูงขึ้นมาก ทั้ง ๆที่บริษัทมีเพียงแค่รถต้นแบบ ยังไม่มีการผลิตรถจริง ๆ ออกมาจำหน่ายเลยแม้แต่คันเดียว เทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิงที่มิลตัน พูดในเชิงโฆษณาอยู่บ่อยครั้ง ก็ยังไม่มีของจริงออกมาให้เห็น

 

โชคยังดีที่ มิลตันสามารถดึงยักษ์ใหญ่อย่างจีเอ็มเข้ามาเป็นพันธมิตร ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวบริษัทถูกเรียกกลับคืนมาได้ แต่ขณะเดียวกัน ดีลระหว่างบริษัท นิโคลา กับจีเอ็ม กลับนำไปสู่การตรวจสอบมากยิ่งขึ้น เมื่อนักลงทุนเริ่มมองเห็นรายละเอียดของดีลความร่วมมือมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์นี้ ซึ่งฝ่ายนิโคลานำหุ้น 11% มาแลกกับการให้จีเอ็มเปิดโรงงานทำการผลิตรถบรรทุกให้กับนิโคลาโดยใช้เทคโนโลยีของจีเอ็มล้วน ๆ ไม่ได้มีเทคโนโลยีของนิโคลาเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อครหา และนักลงทุนก็เริ่มเทขายหุ้นนิโคลา

 

เคราะห์ซ้ำเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนชั้นแนวหน้าของสหรัฐ ได้ตีพิมพ์รายงานออกมาแฉว่า นิโคลากำลังโกหกเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งหมด เพราะบริษัทไม่เคยแสดงหลักฐานใด ๆ ที่จะยืนยันเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจับต้องได้เลย “นอกจากคำพูดโกหกไปเรื่อย ๆ ของซีอีโอ” ส่วนหนึ่งของรายงานระบุ  

 

นอกจากนี้ ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ยังกล่าวหาคลิปโฆษณารถบรรทุกของนิโคลาว่าจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อหลอกลวงผู้ชม โดยโฆษณาระบุว่ารถบรรทุกในคลิปขับเคลื่อนด้วยพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน แต่ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช แย้งว่ารถในคลิปขยับได้ด้วยแรงโน้มถ่วงต่างหาก ไม่ใช่ด้วยพลังไฮโดรเจน กระทั่งสุดท้ายมิลตันต้องออกมายอมรับว่า ขณะที่จัดทำคลิปโฆษณาดังกล่าว รถต้นแบบของบริษัทยังไม่สามารถวิ่งได้จริง ๆ แต่อย่างไรก็ยังจะยืนยันว่า เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นมีจริง  

 

ก่อนหน้าที่เทรเวอร์ มิลตันจะประกาศลาออกเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ยังมีรายงานข่าวออกมาว่า เขาได้ทยอยขายหุ้นบริษัทนิโคลาที่ถือครองอยู่ออกไปบ้างแล้วบางส่วน และนำเงินจากการขายหุ้นไปซื้อบ้านหรูหรา กระจายความเสี่ยงอยู่ในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม้เขาจะลาออกไปแล้ว แต่กระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยังคงดำเนินต่อไป และความจริงคงจะถูกเปิดเผยออกมาในเร็ววัน

 

ระหว่างนี้ ราคาหุ้นของบริษัทนิโคลา ที่สร้างความหวั่นไหวให้กับบรรดานักลงทุน ได้ปรับลดลงมาแล้ว 30% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ และหากเทียบกับจุดที่ราคาหุ้นนิโคลาเคยขึ้นไปถึงระดับสูงสุดที่หุ้นละ 94 ดอลลาร์ ขณะนี้ราคาได้ปรับลดลงมาแล้ว 70% เพราะราคาซื้อขายล่าสุดนั้นอยู่ที่หุ้นละ 24 ดอลลาร์เท่านั้น  

 

ข้อมูลอ้างอิง

Nikola founder Trevor Milton steps down after fraud allegations

Nikola’s chairman steps down, stock crashes following allegations of fraud

Nikola founder Trevor Milton steps down as chairman in battle with short seller