ทำเนียบขาว-คองเกรสงัดข้อไม่เลิก ทำดัชนีดอลลาร์ร่วง

13 ส.ค. 2563 | 01:05 น.

ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เผยจุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง "ห่างกันเป็นไมล์"

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับ ความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรส เกี่ยวกับการออก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ยังไม่พบทางออก

ทำเนียบขาว-คองเกรสงัดข้อไม่เลิก ทำดัชนีดอลลาร์ร่วง

อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบเยน และปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน

 

ณ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทยวานนี้ (12 ส.ค.) ดอลลาร์แข็งค่า 0.36% สู่ระดับ 106.86 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.82% สู่ระดับ 126.02 เยน และดีดตัวขึ้น 0.43% สู่ระดับ 1.1790 ดอลลาร์ ส่วนค่าดัชนีดอลลาร์ ลบ 0.26% สู่ระดับ 93.39

 

นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครต เริ่มการเจรจากันอีกครั้งเกี่ยวกับร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่การเจรจาประสบความล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว   

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ทรัมป์"ปลื้มดาวโจนส์พุ่งหลังลงนามคำสั่งขยายเวลาช่วยคนตกงาน

"ทรัมป์"เซ็นขยายเวลาการใช้มาตรการหนุนศก.

สหรัฐเร่งคลอดมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่  1 ล้านล้านดอลล์

คะแนนนิยม “ทรัมป์”ดิ่งต่อ ผลงานการรับมือโควิด “ไม่ผ่าน”  

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ในเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อหันมามองความหวังเกี่ยวกับมาตรการชุดใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พบว่ายังคงริบหรี่ สาเหตุจากจุดยืนของทั้งฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายพรรครีพับลิกัน และฝ่ายนิติบัญญัติจากฝั่งเดโมแครตยังแตกต่างกันมาก

 

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง"ห่างกันเป็นไมล์"

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ทั้งนี้ นางเปโลซี และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้พบกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว อีกเลยนับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ส.ค.)

 

นางเปโลซีไม่ได้ระบุว่าการเจรจาครั้งใหม่จะเริ่มขึ้นเมื่อใด และยังยืนกรานว่า จะไม่เจรจากับตัวแทนของทำเนียบขาวอีกจนกว่าจะสามารถหาทางประนีประนอมกันได้ระหว่างข้อเสนอของพรรคเดโมแครตในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวต้องการให้มีวงเงินเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์