แฟรนไชซี “พิซซ่าฮัท” รายใหญ่สุดในสหรัฐยื่นล้มละลาย

02 ก.ค. 2563 | 13:05 น.

บริษัท เอ็นพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์. (NPC International Inc.) ผู้ถือแฟรนไชส์เชนร้านฟาสต์ฟู้ด “พิซซ่า ฮัท” และ “เวนดี้ส์” รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลาย มาตรา 11 (Chapter 11 protection) จากศาลล้มละลายในเขตเซาธ์ดิสทริคท์ของมลรัฐเท็กซัส วานนี้ (1 ก.ค. เวลาท้องถิ่น) พร้อมภาระหนี้สินที่สูงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 31,000 ล้านบาท

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ต้นเหตุหนึ่งที่ซ้ำเติมสถานการณ์ผลประกอบการของเอ็นพีซี คือความไม่แน่นอนในตลาดอาหารและเครื่องดื่มของสหรัฐอเมริกาที่เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะมีการปิดชั่วคราวร้านสาขาพิซซ่า ฮัท และเว็นดี้ส์ ที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนในช่วงที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่เอ็นพีซีก็คาดหวังว่าในช่วงที่รัฐบาลยกเลิกการล็อกดาวน์แล้ว และในขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการขอพิทักษ์ทรัพย์เพื่อฟื้นฟูกิจการ บริษัทจะสามารถเปิดให้บริการร้านสาขาที่มีอยู่ต่อไปได้ตามปกติ การยื่นของความคุ้มครองจากศาลล้มละลายครั้งนี้ครอบคลุมบริษัทในเครือของเอ็นพีซีอีก 7 บริษัทด้วย

แฟรนไชซี “พิซซ่าฮัท” รายใหญ่สุดในสหรัฐยื่นล้มละลาย

ข่าวระบุว่า เอ็นพีซีเป็นแฟรนไชซี หรือผู้ถือแฟรนไชส์พิซซ่า ฮัท และเว็นดี้ส์ รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อพิจารณาในแง่จำนวนร้านสาขา   

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เตือนธุรกิจ “ล้มละลายครั้งใหญ่” หากชัตดาวน์ยืดเยื้อ

“รูปแบบการบริโภคของลูกค้าแปรเปลี่ยนไป ต้นทุนค่าจ้างแรงงานปรับสูงขึ้น และบริษัทมีภาระหนี้สินสูงมาก ประกอบกับความไม่แน่อนในตลาดที่เกิดขึ้นจากการรแพร่ระบาดของโควิด-19” ล้วนเป็นปัจจัยลบที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นายจอน เวเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอ็นพีซีที่ดูแลแฟรนไชส์พิซซ่าฮัท ระบุในแถลงการณ์ “ความท้าทายเหล่านี้ยิ่งขยายและทวีความรุนแรงมากมายท่ามกลางบริบทของความไม่แน่นอนที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 “เราเชื่อว่าบริษัทจำเป็นจะต้องเดินหน้าในเชิงรุกเพื่อทำให้โครงสร้างทุนของเรามีความแข็งแรงยิ่งขึ้น”

 

ผู้บริหารของเอ็นพีซียอมรับว่า ในช่วงที่ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และลูกค้าไม่สามารถนั่งรับประทานภายในร้าน เชนร้านพิซซ่าฮัทยังคงสามารถทำยอดขายเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากบริการสั่งอาหารส่งตามบ้าน (ดิลิเวอรี่) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่ยอดขายของเว็นดี้ส์ไม่ดีนักเนื่องจากเน้นบริการนั่งทานภายในร้านมากกว่า และระบบดิลิเวอรี่ไม่ได้รับการพัฒนาให้มีความพร้อมรับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงมากนัก

 

นอกจากนี้ บริษัทยังพบว่าต้นทุนดำเนินการได้พุ่งขึ้นสูงมากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23.25 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหน้ากากอนามัย-ถุงมือมาให้พนักงานใช้ และติดตั้งแผงกั้นที่ทำด้วยกระจกนิรภัยบริเวณหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เอ็นพีซีเชื่อว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะยังคงเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้

เอ็นพีซีระบุว่า เจ้าหนี้ส่วนใหญ่หรือราว 90% เห็นด้วยกับแผนปรับโครงสร้างและฟื้นฟูกิจการของบริษัท ปัจจุบัน เอ็นพีซีเป็นผู้ลงทุนและดำเนินการร้านพิซซ่าฮัทในสหรัฐจำนวน 1,200 สาขา (จากจำนวนร้านพิซซ่าฮัททั่วประเทศที่มีจำนวนทั้งหมด 7,100 สาขา) และร้านเว็นดี้ส์เกือบ 400 สาขา (จากจำนวนทั้งหมด 6,500 สาขา) มีจำนวนพนักงานรวมทั้งสิ้นราว 4,000 คน

 

นอกจากบริษัท เอ็นพีซี ซึ่งเป็นรายล่าสุดแล้ว ข่าวระบุว่าในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา มีธุรกิจจำนวนมากของสหรัฐที่ยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แก่ บริษัท ซีอีซี เอนเตอร์เทนเมนท์ , จีเอ็นซี, ทเว็นตี้โฟร์ อาวเออร์ ฟิตเนส , นีแมนมาร์คัส และเจครูว์   

ข้อมูลอ้างอิง

A huge Wendy's and Pizza Hut franchisee just filed for bankruptcy

Pizza Hut franchisee NPC Files for Chapter 11 bankruptcy