สำนักงานข่าวซินหัว (เมื่อ1 ก.ค. 63) รายงานข่าวว่าสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวเตือนว่าประชาชนอาจถูกปรับเงิน หากพวกเขาปฏิเสธเข้ารับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยระบุว่าทางการจำเป็นต้องใช้ "ไม้แข็ง" เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
มอร์ริสัน ออกมาเตือนภายหลังคำประกาศมือวันอังคาร (30 มิย)ที่ระบุว่าตั้งแต่เวลา 23,59 น. ของวันพุธ (1 ก.ค.)พื้นที่ในเขตไปรษณีย์ 10 แห่งที่เชื่อมโยกับการระบาดในรัฐวิกตอเรีย จะเข้าสู่การล็อกดาวน์ระดับท้องถิ่นเนื่องจากยอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยพื้นที่ "ฉุกเฉิน" เหล่านี้จะกลับไปบังคับใช้มาตรการป้องกันระยะที่ 3 โดยจำกัดให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัยอย่างน้อยจนถึงวันที่ 29 ก.ค.
แดเนียล แอนดรูว์ส นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย เผยว่าชาวออสเตรเลียมากกว่า 1,000 คน ปฏิเสธเข้ารับการตรวจโรคเมื่อถูกสอบถาม
"เรากำลังรับมือกันในแบบคนออสเตรเลีย ด้วยการมองหาสิ่งกระตุ้น เราอยากใช้ไม้อ่อนแทนไม้แข็ง แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับเงินหรือการลโทษรูปแบบอื่น เพื่อสร้งความมั่นใจว่าเราจะทำให้ทุกคนปลอดภัย"มอร์ริสันกล่าวในรายการโทรทัศน์ทูเดย์ (Today) ในวันพุธ (1 ก.ค.)
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เสริมว่าจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งล่าสุดตรวจพบผู้ปวยมากกว่ารัฐอื่นๆ ในประเทศรวมกันแล้วว่า ไม่ใช่เรื่อง "น่าประหลาดใจ" เนื่องจากเมลเบิร์นและชิดนีย์ต่างต้อนรับนักเดินทางกลับเข้าออสเตรเลียมากที่สุดเมื่อไม่นานนี้
"ทั้งรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียได้ดำเนินมาตรการกักกัน และพวกเขาต่างแบกรับค่าใช้จ่ายเอง นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่มีมากขึ้น"มอร์ริสันกล่าว
ทั้งนี้ มอร์ริสันเสริมว่า "ผมจึงอยากขอบคุณรัฐบาลนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียที่แบกรับภาระอันหนักหน่วงนี้เพื่อรัฐและดินแดนอื่นๆ เรารู้อยู่เสมอว่าจะมีการระบาด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันเกิดขึ้นหรือไม่หากอยู่ที่ว่าเรารับมือกันอย่างไรและขณะนี้เรากำลังร่วมมือกับรัฐบาลวิกตอเรียเพื่อจัดการมัน"