โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้านเสียชีวิตเฉียด3.5แสน

26 พ.ค. 2563 | 09:16 น.

โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้าน เสียชีวิตเฉียด3.5แสน บราซิลนำโด่งแซงมะกันครั้งแรกวันเดียว806ราย  ขณะที่รัสเซีย อินเดีย ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานไม่หยุด

นพ.ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ได้แถลงถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019  (COVID-19 )  ทั่วโลก 211 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ  ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม  2563 (เวลา 10.00 น.)  มีผู้ติดเชื้อจำนวน 5,588,356  ราย เพิ่มขึ้น 89,779  ราย เสียชีวิต 347,873 ราย เพิ่มขึ้น 1,185  ราย   อาการหนัก 53,167  ราย ลดลง 56 ราย  รักษาหายแล้ว 2,365,125 ราย เพิ่มขึ้น 63,715 ราย

โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้านเสียชีวิตเฉียด3.5แสน

ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1. สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 1,706,226 ราย เพิ่มขึ้น   19,790  ราย เสียชีวิต 99,805 เพิ่มขึ้น 505ราย
2. บราซิล มีผู้ติดเชื้อ 376,669  ราย  เพิ่มขึ้น13,051 ราย เสียชีวิต 23,522 ราย เพิ่มขึ้น 806 ราย 
3. รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 353,427 ราย  เพิ่มขึ้น 8,946 ราย เสียชีวิต 3,633 ราย  เพิ่มขึ้น 92 ราย   
4.สเปน มีผู้ติดเชื้อ 282,480  ราย ลดลง 372 ราย เสียชีวิต 26,837 ราย  ลดลง1,915 ราย
5.อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อ 261,184  ราย เพิ่มขึ้น 1,625 ราย เสียชีวิต 36,914 ราย เพิ่มขึ้น 121 ราย 

โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้านเสียชีวิตเฉียด3.5แสน

6. อิตาลี  มีผู้ติดเชื้อ 230,158 ราย เพิ่มขึ้น 300 ราย เสียชีวิต32,877 ราย เพิ่มขึ้น 92ราย 
7. ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อ 182,942  ราย เพิ่มขึ้น 358 ราย เสียชีวิต  28,432 รายเพิ่มขึ้น65 ราย
8.เยอรมนีมีผู้ติดเชื้อ 180,789 ราย เพิ่มขึ้น 461 ราย เสียชีวิต 8,428  ราย เพิ่มขึ้น 57 ราย 
9.ตุรกี มีผู้ติดเชื้อ 157,814 ราย เพิ่มขึ้น  987 ราย เสียชีวิต  4,369 ราย เพิ่มขึ้น 29 ราย 
10.อินเดีย  มีผู้ติดเชื้อ 144,950 ราย เพิ่มขึ้น  6,414  ราย เสียชีวิต  4,172  เพิ่มขึ้น 148 ราย

สถานการณ์กลุ่มประเทศเอเชีย
10.อินเดีย  มีผู้ติดเชื้อ 144,950 ราย เพิ่มขึ้น  6,414  ราย เสียชีวิต  4,172  เพิ่มขึ้น 148 ราย
19. ปากีสถาน มีผู้ติดเชื้อ 56,349  ราย เพิ่มขึ้น 1,748 ราย เสียชีวิต  1,167 ราย เพิ่มขึ้น 34 ราย
24.บังคลาเทศ  มีผู้ติดเชื้อ 35,585 ราย เพิ่มขึ้น  1,975 ราย เสียชีวิต 501 ราย เพิ่มขึ้น 21ราย
26. สิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อ 31,960  ราย เพิ่มขึ้น 344  ราย เสียชีวิต 23 ราย เพิ่มขึ้น- ราย

โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้านเสียชีวิตเฉียด3.5แสน

32. อินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อ  22,750 ราย เพิ่มขึ้น 479 ราย เสียชีวิต  1,391 ราย เพิ่มขึ้น 19 ราย
40. ญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อ  16,581  ราย เพิ่มขึ้น 31  ราย เสียชีวิต 830 ราย เพิ่มขึ้น 10 ราย
43.ฟิลิปปินส์  มีผู้ติดเชื้อ 14,319  ราย เพิ่มขึ้น 284 ราย เสียชีวิต 873 ราย เพิ่มขึ้น 5 ราย
46. เกาหลีใต้ มีผู้ติดเชื้อ  11,225 ราย เพิ่มขึ้น 19 ราย เสียชีวิต 269ราย เพิ่มขึ้น 2ราย
58. มาเลเซีย  มีผู้ติดเชื้อ 7,417 ราย เพิ่มขึ้น 172 ราย เสียชีวิต  115 ราย เพิ่มขึ้น- ราย

ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 77  พบผู้ติดเชื้อ 3,045  ราย เพิ่มขึ้น 3  ราย เสียชีวิต 57 ราย 

จะพบว่าประเทศสหรัฐอเมริกา  ยังคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่และเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ขณะที่บราซิลจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นมาเป็นอันดับสอง  และมีผู้เสียชีวิตนำสหรัฐแล้วคือ806 ราย ขณะที่สหรัฐอยู่ที่ 505 ราย  ด้านประเทศเม็กซิโกเป็นอีกประเทศที่น่าจับตา คือมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ถึง 2,485 ราย เสียชีวิตถึง 239 รายในวันเดียว ส่วนประเทศอินเดียได้ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่10 ของตาราง

ส่วนข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกาพบการระบาดของโควิด-19 จากร้านตัดผมในรัฐมิสซูรี จากการสอบสวนโรคพบว่า มีช่างทำผม 1 ราย มีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. แต่ยังทำงานต่อเนื่องมากกว่า 1 สัปดาห์ และรับลูกค้า 91 ราย รวมถึงมีช่างทำผมรายที่ 2 มีอาการป่วย แต่ยังคงทำงานต่อเนื่องไปอีก 5 วัน รับลูกค้า 56 ราย และมีพนักงานคนอื่นๆในร้านอีก 7 คน รวมแล้วมีบุคคลที่มีความเสี่ยง 154 ราย ทั้งนี้ ภายในร้านทำผมทั้งผู้ให้บริการและลูกค้าใส่หน้ากากอนามัย  จึงมีโอกาสลดการติดเชื้อ และขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจากกรณีดังกล่าวเพียง 2 ราย คือช่างทำผม

  โควิดทั่วโลกติดเชื้อใกล้5.6 ล้านเสียชีวิตเฉียด3.5แสน

นอกจากนี้ แพทย์โรคหัวใจสหรัฐอเมริการายหนึ่ง ได้ยกย่องประเทศไทยติด 1 ในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกจำนวน 5 แห่ง มีแผนปรับตัวเข้ากับชีวิตวิถีใหม่โดยให้พนักงานทำงานที่บ้านภายใน 5-10 ปีข้างหน้า อาทิ เฟซบุ๊ก ที่ผู้บริหารจะให้พนักงาน 50% ทำงานที่บ้านในช่วงเวลา 5-10 ปีข้างหน้า รวมถึงทวิตเตอร์ก็มีแนวคิดทำงานที่บ้านเหมือนกัน