สื่ออังกฤษรายงานความคืบหน้าการดำเนินการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู)ของสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ( Brexit) ว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รัฐสภาสหราชอาณาจักรได้มีมติเห็นชอบในการนำระบบการพิจารณาการขอวีซ่าแบบ Points-based system มาใช้ทดแทนการเคลื่อนย้ายโดยเสรีของพลเมืองจากอียูเข้ามายังสหราชอาณาจักร (Freedom of Movement) เมื่อสิ้นสุด Transition Period ในเดือนธันวาคม 2563 นี้ด้วยคะแนนเสียง 351 ต่อ 252
หลังจากนี้ สภาขุนนาง (House of Lord) จะมีการถกในมติดังกล่าวและมีการลงมติให้ความเห็นชอบก่อนที่จะออกเป็นกฎหมายต่อไป โดย นาง Priti Patel รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ เห็นว่าระบบ Points-based system ดังกล่าว เป็นระบบที่เข้มงวด เป็นธรรม และง่ายมากขึ้น "firmer, fairer and simpler" ซึ่งจะช่วยให้สหราชอาณาจักรสามารถควบคุม จำนวนคนเข้าเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการดึงดูดผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในสหราชอาณาจักร
นอกจากนี้จะมีระบบการขอวีซ่าแบบเร่งด่วน (Fast-track NHS visa) สำหรับเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ที่สนใจเข้ามาทำงานในสหราชอาณาจักรให้กับ National Health Service (NHS) ให้เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยเงื่อนไขในการให้คะแนน ได้แก่ ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ มีการเสนองานจากนายจ้างในสหราช อาณาจักร (Job Offer) และรายได้ต้องไม่ต่ำกว่า 25,600 ปอนด์ต่อปี
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นาง Elizabeth Truss รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษได้ ประกาศแนวนโยบายการค้าระหว่างประเทศ (Trade Regime) ของสหราชอาณาจักร ในกรณีที่หากสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปไม่สามารถทำความตกลงทางการค้าได้(โนดีล) โดยแผนการดังกล่าวจะมีการยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าที่มี การนำเข้ามายังประเทศถึงร้อยละ 60 ภายใต้ระบบ MFN (Most Favoured Nation) tariff regime กับประเทศ ต่างๆ ที่สหราชอาณาจักรมีความประสงค์ที่จะทำข้อตกลงทางการค้าด้วยเมื่อสิ้นสุด Transition Period ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ก่อนที่จะมีการเจรจาความตกลงทางการใหม่กับประเทศดังกล่าวต่อไป หรือเรียกว่า UK Global Tariff
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคงเก็บภาษีสำหรับสินค้าเกษตร เช่น ไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ รวมถึง รถยนต์ (โดยมีอัตราภาษีร้อยละ 10) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมการเกษตรและรถยนต์ของสหราชอาณาจักร โดยรัฐบาลเห็นว่าการยกเลิก อัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว จะเป็นผลดีกับประชาชนในการจับจ่ายสินค้าที่ใช้ประจำวันได้ถูกลง โดยสินค้าที่จะมีการยกเลิกภาษี ได้แก่ เครื่องล้างจาน ตู้แช่แข็ง ผ้าอนามัย สี กระจก กรรไกร ผงฟู ยีส ผงโกโก้ เป็นต้น
นอกจากนี้จะมีการยกเลิกภาษีสำหรับสินค้ากว่าร้อยรายการที่จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน เช่น เครื่อง ควบคุมความร้อนในบ้าน (thermostat) และหลอดไฟชนิด LED เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการยกเลิกภาษีชั่วคราวสำหรับ สินค้าที่เกี่ยวกับการต่อสู้กับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ Personal Protective Equipment (PPE) อีกด้วย
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงลอนดอน ให้ความเห็นว่า ในกรณีที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปไม่สามารถตกลงทางการค้าให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นั้น สหราชอาณาจักรจะต้องค้ากับสหภาพยุโรปภายใต้กฎระเบียบของ WTO โดยมีอัตราภาษีสินค้าที่สูง ซึ่งการที่สหราชอาณาจักรจะมีการยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าที่มีการนำเข้ามายังประเทศถึงร้อยละ 60 ภายใต้ระบบ UK Global Tariff นั้น จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ดี ประเทศเหล่านี้จะไม่มีข้อผูกพันในการลดอัตราภาษีการนำเข้าให้กับสหราชอาณาจักร ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อประเทศที่สามที่มีการส่งสินค้าที่มีการลดอัตราภาษีมายังสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปมีกำหนดเจรจาความตกลงทางการค้าอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็น ได้แก่ ความเท่าเทียมกันในการแข่งขัน ด้านการประมง และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการตรวจเช็คพรหมแดนไอร์แลนด์ซึ่งขณะนี้รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังคงยืนยันที่จะไม่ขยาย ระยะเวลา Transition period ออกไปจากวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่จะถึงนี้