23 พฤษภาคม 2563 พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้กล่าวถึงข้อเสนอในการควบคุมโรคระบาด 6 ประการ และมาตรการ 5 ประการ ในการสร้างประชาคมด้านสาธารณสุขโลก ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 73 ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
1. นายหม่า เจาซวี่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 73 นั้น เป็นความคิดริเริ่มที่มีความสำคัญใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การแบ่งปันประสบการณ์ในการควบคุมและการรักษาโรค 2. การรวมพลังระหว่างประเทศ 3.การแสดงความรับผิดชอบของจีนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโลก และ 4.การปรับปรุงระบบการกำกับดูแลเพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุข เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นระดับโลกในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19โดยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับโรคและการวางแผนสำหรับระบบการกำกับดูแลระดับโลกในอนาคต
2.ข้อเสนอในการควบคุมโรคระบาด 6 ประการ ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกอบด้วย
2.1ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตผู้คนเป็นลำดับแรก และใช้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์พร้อมอุปกรณ์ ดำเนินการตามขั้นตอนให้เร็วที่สุด เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสทั่วโลกและหยุดยั้งการแพร่ระบาดข้ามพรมแดน โดยต้องเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และดำเนินการตามความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับวิธีการทดสอบการรักษาทางคลินิก การวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยา
2.2 องค์การอนามัยโลก (WHO) ควรเป็นผู้นำในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญต่อการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19ดังนั้น จีนขอเสนอให้ประชาคมระหว่างประเทศเพิ่มการสนับสนุนทางการเมืองและการเงินให้กับ WHO เพื่อระดมทรัพยากรทั่วโลกในการกำจัดไวรัส
2.3 เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศในแอฟริกามีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอกว่า ดังนั้น การช่วยสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อโควิด-๑๙ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยจีนได้ส่งเวชภัณฑ์และความช่วยเหลือจำนวนมหาศาลไปยังประเทศในแอฟริกากว่า 50 ประเทศ และส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจีนไปยังทวีปแอฟริกาเพื่อให้การช่วยเหลือด้วย ซึ่งปัจจุบันทีมแพทย์จีนประจำอยู่ในแอฟริกา 46 คน
2.4 ต้องเสริมสร้างธรรมาภิบาลระดับโลกในด้านสาธารณสุข เนื่องจากการแพร่ระบาดของโลกในครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการกำกับดูแลเพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุขให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจัดตั้งศูนย์สำรองระดับโลกและระดับภูมิภาคสำหรับเวชภัณฑ์ต้านการแพร่ระบาด โดยอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และความเป็นมืออาชีพที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ที่ดำเนินการในลักษณะที่เป็นกลางและเป็นธรรม
2.5 ต้องฟื้นฟูการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยควรมีการประสานงานนโยบายเศรษฐกิจมหภาคระหว่างประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
2.6 ต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เนื่องจากความเป็นปึกแผ่นและความร่วมมือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในการเอาชนะไวรัส
3.มาตรการ 5 ประการ ในการสร้างประชาคมด้านสาธารณสุขโลก ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แก่
3.1 จีนจะให้การช่วยเหลือระหว่างประเทศ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในสองปีเพื่อสนับสนุนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในการต่อสู้กับโรคระบาดและการฟื้นตัวของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
3.2 จีนจะร่วมมือกับสหประชาชาติในการจัดตั้งคลังสินค้าฉุกเฉินและศูนย์รวมด้านมนุษยธรรมระดับโลกในประเทศจีน เพื่อสร้างความมั่นใจในห่วงโซ่อุปทานของวัสดุป้องกันการแพร่ระบาดและสร้างช่องทางสีเขียวสำหรับการขนส่งและพิธีการศุลกากร
3.3 จีนจะสร้างกลไกความร่วมมือโดยการจับคู่กับโรงพยาบาล 30 แห่งในแอฟริกา และเร่งการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของศูนย์ควบคุมโรคแอฟริกัน เพื่อการเตรียมความพร้อมในการควบคุมโรค
3.4 หลังจากการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของจีนเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะถูกใช้เป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะทั่วโลก เพื่อให้จีนมีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอในประเทศที่กำลังพัฒนา
3.5 จีนจะดำเนินการ "โครงการบรรเทาหนี้ที่รอการตัดบัญชีสำหรับประเทศยากจน" กับสมาชิกกลุ่ม G20 และยินดีที่จะทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มการสนับสนุนสำหรับประเทศที่มีโรคระบาดรุนแรงให้สามารถเอาชนะปัญหาได้
บทสรุป นายหม่า เจาซวี่ เห็นว่า การที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้เชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเปิดการประชุมสมัชชาสุขภาพโลกครั้งที่ 73 อันแสดงให้เห็นถึงการยอมรับของประชาคมระหว่างประเทศถึงความสำเร็จของจีนในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด รวมทั้งบทบาทที่สำคัญของจีนในความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามแนวคิดประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ที่นอกจากจะแสดงถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังได้แสดงถึงความรับผิดชอบต่อการเป็นประเทศใหญ่ของจีนในด้านภารกิจสาธารณสุขโลก