เตือนธุรกิจ “ล้มละลายครั้งใหญ่” หากชัตดาวน์ยืดเยื้อ

13 พ.ค. 2563 | 03:29 น.

ประธานเฟดสาขาต่าง ๆ ประสานเสียงเตือนธุรกิจสหรัฐฯ จะล้มละลายครั้งใหญ่ หากการชัตดาวน์เศรษฐกิจยืดเยื้อออกกไปมากกว่านี้

 

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ได้ออกมาเตือนว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการชัตดาวน์เศรษฐกิจสหรัฐฯบางส่วนนั้น อาจทำให้ธุรกิจต่างๆ ประสบกับภาวะล้มละลายครั้งใหญ่ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบอย่างยาวนานต่อเศรษฐกิจของประเทศ

เตือนธุรกิจ “ล้มละลายครั้งใหญ่” หากชัตดาวน์ยืดเยื้อ
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคาร (12 พ.ค.) ว่า ธุรกิจต่างๆ จะประสบกับภาวะ “ล้มละลายครั้งใหญ่” และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากการชัตดาวน์เศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป

 

ทางด้านนายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนีอาโปลีส เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากผลกระทบของโรคระบาด ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า เศรษฐกิจจะต้องได้รับการกระตุ้นด้านการคลังมากขึ้น หากอัตราการว่างงานยังคงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ระดับ 0% ในช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และได้ออกโครงการปล่อยเงินกู้เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดจากโรคระบาด


นายบูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เตือนว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจอาจร่วงลงราว 40% ในไตรมาส 2/2563  หากรัฐบาลยังคงสั่งให้ธุรกิจต่างๆ ปิดการดำเนินงานต่อไป โดยเขากล่าวในที่ประชุม Official Monetary and Financial Institutions Forum ว่า การชัตดาวน์เศรษฐกิจมีความเหมาะสมในช่วงแรกของการรับมือกับวิกฤตโรคระบาด แต่ในขณะนี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ โดยธุรกิจจำนวนมากจะประสบกับภาวะล้มละลายและจะสร้างความเสียหายที่ยาวนาน หากธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถเริ่มการดำเนินงานได้

เตือนธุรกิจ “ล้มละลายครั้งใหญ่” หากชัตดาวน์ยืดเยื้อ

ด้านนายแคชคารี ประธานเฟดสาขามินนีอาโปลีส กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะยังคงได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับโรคระบาด ขณะเดียวกันเขากล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้จนกว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ


ประธานเฟดทั้ง 3 สาขาดังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่ใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเครื่องมือในการจัดการกับภาวะเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ ขณะที่นายบูลลาร์ดระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะใช้การซื้อสินทรัพย์เป็นเครื่องมือในการจัดการกับภาวะเศรษฐกิจมากกว่า


ส่วนนายแคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส  เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชันแนลว่า หากสหรัฐฯ มีอัตราการว่างงานสูงสุดแตะระดับประมาณ 20%  ตามที่เฟดคาดไว้ และหากอัตราการว่างงานแตะระดับประมาณ 10% ภายในสิ้นปี รัฐบาลสหรัฐฯก็จำเป็นจะต้องออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวเนื่อง

“สายการบินต้องปรับตัวครั้งใหญ่” เดฟ คอลฮูน ซีอีโอ บ.โบอิ้ง

“เอเวียงกา”ล้มละลาย เซ่นโควิดพิษหนี้ 2.3 แสนล้าน​​​​​​​

"เจซี เพนนีย์" ห้าง 118 ปี เตรียมยื่นล้มละลายจากพิษโควิด​​​​​​​