เปิดใหม่ให้ “รุ่ง” หลัง “ปลด” ล็อกดาวน์

30 เม.ย. 2563 | 05:48 น.

ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ป ผู้ประกอบการศูนย์การค้ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เปิดศูนย์การค้าและร้านค้าปลีก 49 แห่งอีกครั้งหลังรัฐบาลสั่งคลายมาตรการล็อกดาวน์ ที่ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่กลับมาเปิดดำเนินการหลังปิดชั่วคราวเป็นเวลากว่า 1 เดือน แต่การกลับมาครั้งนี้ ผู้ค้าปลีกรู้ดีว่า ความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง และเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19”

 

นอกเหนือจากมาตรการพื้นฐานซึ่งมีตั้งแต่การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกค้าด้วยเครื่องเทอร์โมมิเตอร์ระบบอินฟราเรดก่อนเข้าห้าง ซึ่งเป็นการคัดกรองผู้ที่อาจมีไข้ และการจัดเตรียมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานของซีดีซี (ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา) เอาไว้แจกฟรีแก่ลูกค้าแล้ว ทางห้างยังมีเจลล้างมือฆ่าเชื้อแจกด้วยหากลูกค้าต้องการ

ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ป เป็นผู้ประกอบการศูนย์การค้ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ซีเอ็นบีซี สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานว่า ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บางมลรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ เช่นจอร์เจีย และเซาธ์แคโรไลนา เริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหลังรัฐบาลไฟเขียวให้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่  

 

ความสะอาดต้องมาก่อน

เนื่องจากเป็นการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ชะลอตัวลงในบางพื้นที่ ธุรกิจจึงมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ศูนย์การค้าและช่องทางค้าปลีกของไซม่อน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ป ได้ลดระยะเวลาการให้บริการลง โดยเปิดวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ส่วนวันอาทิตย์เปิดตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น. และเพิ่มช่วงเวลาในการทำความสะอาด-ฆ่าเชื้อสถานที่ เน้นจุดที่มีการสัมผัสมาก เช่น โต๊ะในศูนย์อาหาร บันไดเลื่อน ลูกปิด-มือจับประตู และป้ายแสดงผังร้านค้าภายในศูนย์ที่เป็นระบบสัมผัส ทางศูนย์การค้ายังได้ขอความร่วมมือร้านค้าในพื้นที่ให้ใช้มาตรการด้านสุขอนามัยในลักษณะเดียวกันนี้

เปิดใหม่ให้ “รุ่ง” หลัง “ปลด” ล็อกดาวน์
 

ผู้บริหารของไซม่อน พ็อพเพอร์ตี กรุ๊ป เปิดเผยว่า การขอให้ลูกค้าร่วมมือเป็นเรื่องสำคัญ เช่นในส่วนของการสวมใส่หน้ากากขณะจับจ่ายซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า หากใครไม่ได้นำหน้ากากมาหรือไม่ได้สวมใส่หน้ากาก ทางศูนย์การค้าได้จัดหน้ากากและเจลฆ่าเชื้อเอาไว้แจกฟรีหากลูกค้าต้องการ แต่ในส่วนของพนักงานขายนั้น เป็นกฎบังคับที่ศูนย์การค้ากำหนดไว้ว่า ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้พนักงานล้างมือบ่อย ๆ ด้วย

 

เว้นพื้นที่สร้างระยะห่าง-ป้องกันโรค

ในส่วนของการเว้นระยะห่าง หรือ social distancing ภายในพื้นที่ศูนย์การค้าจะติดเทปสีหรือสติกเกอร์ลงบนพื้นเพื่อแสดงระยะห่าง  จุดที่ควรยืนรอ หรือป้ายบอกทิศทาง ภายในศูนย์อาหารมีการจัดโต๊ะเก้าอี้เว้นระยะห่างมากขึ้น ส่วนบริเวณที่เป็นสวนสนุกของเด็ก ๆ และจุดดื่มน้ำฟรีถูกปิดบริการเอาไว้ก่อน  

 

ระบบชำระเงินไร้สัมผัส

นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการวัดการเข้า-ออกของลูกค้า และจำกัดจำนวนทางเข้า-ออก เพื่อที่จะสามารถควบคุมจำนวนคน/พื้นที่ เป็นการหลักเลี่ยงความแออัด โดยในทุก ๆพื้นที่ 50 ตารางฟุตจะให้มีผู้คนไม่เกิน 1 คน และเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส ทางศูนย์การค้ายังแนะนำให้ร้านนำระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เช่น ระบบแอปเปิลเพย์ (Apple Pay)

ศูนย์การค้าของไซม่อน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ป ปิดให้บริการชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมเมื่อรัฐบาลเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19  หลังจากนั้นเจ้าของศูนย์การค้ารายอื่น ๆ เช่น เทาบ์แมนเซ็นเตอร์ วอชิงตันไพรม์กรุ๊ป และยูนิเบล-โรดัมโค-เวสต์ฟีลด์ ต่างก็ปิดบริการชั่วคราวตามๆ กัน  นายเดวิด ไซม่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไซม่อน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ป เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านการเปิดเศรษฐกิจใหม่หลังคลี่คลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาด  

เปิดใหม่ให้ “รุ่ง” หลัง “ปลด” ล็อกดาวน์

ยังไม่แน่ชัดว่าในส่วนของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาใช้บริการศูนย์การค้ามากน้อยแค่ไหน จากการสำรวจของบริษัทวิจัย คอร์ไซต์ รีเสิร์ช พบว่า แม้มาตรการล็อกดาวน์จะยุติลงแล้ว แต่ผู้บริโภคราว 45% ตอบว่า พวกเขายังต้องการหลีกเลี่ยงการเข้าไปในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีคนจำนวนมาก  สถานที่อื่นๆ ที่พวกเขาหลีกเลี่ยง (แต่ในสัดส่วนน้อยกว่า) ได้แก่ โรงภาพยนตร์ และระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่ร้านค้าปลีกจำนวนมาก รวมทั้งอเมริกัน อีเกิล และวิคทอเรีย ซีเคร็ท ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีการให้พนักงานลาพักงานโดยไม่รับเงินเดือนอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้นหากศูนย์การค้าเปิดและทางร้านต้องเปิดบริการอีกครั้ง ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียกตัวพนักงานกลับคืนมา และยังต้องบริหารจัดการสต๊อคสินค้าให้ดี เนื่องจากเชื่อว่ากำลังซื้อจะไม่ได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็วนัก