คณะผู้กำหนดนโยบายของระบบธนาคารกลางสหรัฐ ประชุมในกรุงวอชิงตันเป็นเวลาสองวัน ก่อนจะออกแถลงการณ์ในวันพุธ(29เม.ย.)ว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.25% ต่อไป หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐติดลบ 4.8% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
เฟด ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมี.ค. พร้อมทั้งอัดฉีดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจพังทลายเพราะผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อวันพุธ เฟด ระบุว่าจะใช้มาตรการซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังและหลักทรัพย์ของบริษัทให้เงินกู้ที่อยู่อาศัยต่อไปเพื่อสร้างสภาพคล่องในตลาดเงินกู้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดและผู้บริหารระดับสูงคนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเหมือนที่ธนาคารกลางของหลายประเทศใช้อยู่ในขณะนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 4.8% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีติดลบ นับตั้งแต่ที่มีการรายงานว่าเศรษฐกิจหดตัว 1.1% ในไตรมาส 1/2557 และเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4/2551 ซึ่งขณะนั้นสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการเงิน