3 โรค 1 พฤติกรรมทำผู้ป่วยโควิดทรุดมากขึ้น

01 เม.ย. 2563 | 03:23 น.

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์วานนี้ (31 มี.ค.) ว่า กลุ่มคนที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง และผู้ที่สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดอาการที่รุนแรงมากขึ้นไปกว่าเดิมหากพวกเขาติดเชื้อไวรัสโควิด-19

 

3 โรค 1 พฤติกรรมทำผู้ป่วยโควิดทรุดมากขึ้น

 

รายงานฉบับแรกของซีดีซีมุ่งศึกษากลุ่มอาการหรือบริบทแวดล้อมทางสุขภาพที่อาจมีผลทำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการเลวร้ายเพิ่มขึ้น มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์จากผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วจาก 50 มลรัฐและ 4  เขตปกครองของสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 12 ก.พ.ถึง 28 มี.ค. 2563 กลุ่มตัวอย่างการเก็บข้อมูลมีจำนวนทั้งสิ้น 7,162 ราย แต่ในจำนวนนี้ ไม่รวมถึงผู้ติดเชื้อชาวอเมริกันที่กลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และผู้ติดเชื้อจากเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส

 

การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า 37.6% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7,162 คน เป็นผู้ที่มีอาการเสี่ยงร่วมหรือมีโรคอื่นๆอยู่ก่อนแล้วอย่างน้อย 1 โรค ซึ่งโรคที่พบากที่สุดคือเบาหวาน โรคปอดอักเสบ และโรคหัวใจ  อีก 62.4% ที่เหลือเป็นผู้ที่ไม่มีโรคอื่น ๆร่วมด้วย

3 โรค 1 พฤติกรรมทำผู้ป่วยโควิดทรุดมากขึ้น

 

ซีดีซีพบว่า มีการนำส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการโรคอื่น ๆ ร่วมด้วยมายังโรงพยาบาลหรือหน่วยรับผู้ป่วยอาการวิกฤติจำนวนมากกว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการโรคอื่น ๆร่วมด้วย นอกจากนี้ ประมาณ 78% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) เป็นผู้ที่มีอาการโรคอื่น ๆร่วมด้วยอย่างน้อย 1 โรค ขณะที่ผู้ติดเชื้อวิด-19 ที่มีอาการโรคอื่น ๆร่วม แต่ไม่ถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีจำนวนเพียง 27% เท่านั้น

 

ข้อมูลเบื้องต้นนี้นำไปสู่ข้อแนะนำของซีดีซีที่ว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีอาการหนักมากกว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้มีโรคอื่น ๆ  ผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ควรมียาเพียงพอสำหรับการรักษา 30 วันเป็นอย่างน้อย และควรมีอาหารรวมทั้งของจำเป็นอื่น ๆ เพียงพอสำหรับการกักตัว 2 สัปดาห์

 

จนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯพุ่งขึ้นไปกว่า 181,000 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจี้บังคับเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดในกรุงนิวยอร์คเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เป็นที่คาดหมายว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จะยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยมีเพิ่มมากขึ้นจนล้นโรงพยาบาลแล้วในขณะนี้

 

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ออกโรงเตือนมาตลอดว่า อาการของโควิด-19 จะรุนแรงมากขึ้นเป็นพิเศษในผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคอื่น ๆ อยู่แล้ว อาการเริ่มต้นของโควิด-19 อาจมีตั้งแต่เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้ ไอแห้งๆ ไปจนถึงท้องเสีย และปอดอักเสบ ขั้นรุนแรงอาจนำไปสู่การที่ระบบทำงานของอวัยวะในร่างกายล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด

ในกรณีของผู้ติดเชื้อวัยเด็ก ที่แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่เกือบ 6% ของผู้ติดเชื้อวัยเด็กในสหรัฐฯ มีอาการเข้าขั้นรุนแรง ขณะที่ผู้ติดเชื้อวัยผู้ใหญ่ที่มีอาการรุนแรงมีสัดส่วนราว 18.5% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ทั้งนี้ กว่า 90% ของผู้ติดเชื้อในภาพรวมจะมีอาการที่ไม่รุนแรง มีอาการปานกลาง หรือไม่ออกอาการเลย (แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่น ๆ) แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสถานการณ์ในอิตาลีและจีน

 

ซีดีซีแนะนำว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคอื่นอยู่แล้ว ควรกักตัวอยู่กับบ้าน เว้นแต่กรณีที่ต้องมารับยาที่โรงพยาบาล