ทำเนียบเครมลินแถลงวันนี้ (31 มี.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เห็นพ้องกันในการจัดการเจรจาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันในประเด็นดังกล่าวในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่ด้านพลังงานของทั้งสองประเทศจะจัดการเจรจาเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมันซึ่งราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 18 ปีเมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกประสบภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีปูตินยังได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำทั้งสองหารือกันเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุด และความพยายามในการเอาชนะโควิด-19 โดยจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดผ่านกลุ่ม G20 เพื่อขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ ในการเอาชนะโรคระบาด และฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียรายหนึ่งยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียยังไม่ได้มีการเจรจากับรัสเซียเพื่อสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน แม้นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พยายามโน้มน้าวให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ยุติการทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียแถลงว่า ซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบ 600,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 10.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค. นี้เป็นต้นไป ส่วนบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ผลิต 12 ล้านบาร์เรล/วัน