สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรับมือ มีมติวานนี้ (26 มี.ค.) ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิเศษระดับรัฐมนตรีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศญี่ปุ่นในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสดังกล่าว นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้ประกาศเพิ่มมาตการควบคุมการเดินทางของชาวต่างชาติเข้าประเทศญี่ปุ่นโดยชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ตะวันออกกลางและแอฟริกา จะต้องเข้ากระบวนการกักกันตัวเองเพื่อดูอาการ 14 วัน นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังจะระงับการออกวีซ่าให้กับผู้ที่มีจากภูมิภาคดังกล่าว และจะระงับ “ฟรีวีซ่า” (การเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่า) ที่ญี่ปุ่นให้แก่ 7 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม มาเลเซีย รวมทั้งไทย
พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นยังระงับฟรีวีซ่าแก่ 3 ประเทศในตะวันออกกลาง คือ อิสราเอล กาตาร์ และบาห์เรน รวมไปถึง ประเทศคองโก ในแอฟริกา
มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 มีนาคมเป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นมีมาตรการลักษณะเดียวกันนี้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากจีน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อิหร่าน และหลายประเทศในยุโรป
ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลญี่ปุ่น และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี ได้มีมติเลื่อนการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ไปอีกประมาณ 1 ปี เนื่องจากข้อวิตกกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด-19
อัตราการติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นติดต่อกันมา 2 วันแล้ว โดยล่าสุดวานนี้ (26 มี.ค.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเขตโตเกียว 47 รายทำให้ยอดสะสมรวมเพิ่มขึ้นเป็น 250 ราย แม้ว่านายอาเบะ ผู้นำของญี่ปุ่น จะประกาศใช้มาตรการสร้างระยะห่างทางสังคม (social distancing campaign) มาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีการปิดสถานศึกษา การยกเลิกงานแสดงคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา และกิจกรรมชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก
สำหรับคณะทำงานพิเศษระดับรัฐมนตรีนั้น มีนายอาเบะเป็นประธานและมีที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ทำหน้าที่กำหนดกรอบนโยบายในการรับมือและป้องการการแพร่กระจายของไวรัสดังกล่าว