สธ.เฝ้าระวังพิเศษคนไทยเดินทางกลับจาก7 ประเทศเสี่ยง

23 ก.พ. 2563 | 05:40 น.

สธ.เผยยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยล่าสุด 35 คน รักษาหายและกลับบ้านได้แล้วเพิ่มอีก 1 คนในวันนี้ พร้อมเฝ้าระวังพิเศษ คนไทยกลับจาก7 ประเทศเสี่ยง

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคโควิด-19 ว่า ล่าสุดจำนวนผู้ป่วยยืนยันรายเดิมที่มีอาการติดเชื้อในประเทศไทยยังคงอยู่ที่ 35 คน ยังไม่มีจำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนี้มีข่าวดีที่มีผู้ป่วยได้รับการรักษาหายปกติสามารถกลับบ้านได้แล้วเพิ่มอีก 1 คนเป็นผู้ป่วยนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ทำให้ล่าสุดมีจำนวนผู้รักษาหายกลับบ้านได้แล้วรวมเป็น 21 คน และสรุปขณะนี้ยังมีผู้ป่วยที่ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด 14 คนซึ่งในจำนวนนี้ที่มีอาการรุนแรง 2 คนขณะนี้อาการยังคงที่อยู่ระหว่างการรักษาตัว 

โดยจำนวนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังในไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม-22 กุมภาพันธ์ 2563 สะสมอยู่ที่ 1,355 คน คัดกรองจากสนามบิน 68 คน มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 คน รวมคัดกรองไปแล้วกว่า 3 ล้านคนจากด่านขาเข้าออกประเทศต่างๆ อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 คน ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดตามฤดูกาลยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 คน

สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศนั้นองค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด แต่ประเทศไทยยังคงดำเนินการตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ที่เฝ้าระวังและเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกระหว่างประเทศทุกเส้นทาง ทั้งด่านบก อากาศและทางน้ำ

พร้อมขอให้ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน  ญี่ปุ่น  สิงคโปร์และเกาหลีใต้ ขอความร่วมมือเฝ้าระวังอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน งดไม่ไปในที่สาธารณะ สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งรวมถึงในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่เดินทางไปทัศนศึกษาตามประเทศต่างๆ ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส ขอให้ปฎิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวเช่นกัน หากมีอาการที่ต้องสงสัยให้ไปพบแพทย์ทันที หรือโทรสายด่วน 1422 เพื่อเข้ารับการรักษา

ด้านนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการรักษาผู้ป่วยในประเทศไทยด้วยส่วนประกอบของเลือด หรือพาสมา ซึ่งการรักษาจะต้องใช้พาสมาในเลือดของผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว โดยประเทศไทยยังพบมีเพียงรายเดียวที่รักษาหาย คือคนขับแท๊กซี่ที่เคยติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้สาธารณสุขอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง