รัฐปัดปิดประเทศสกัดโคโรนา

01 ก.พ. 2563 | 10:40 น.

รัฐบาลเตรียมยกระดับการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาร่วมกับจีน พร้อมพิจารณายกเลิก Visa นักท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงในสัปดาห์หน้า แต่ปัดปิดประเทศไทย เพื่อป้องกันโรคระบาด

รัฐปัดปิดประเทศสกัดโคโรนา

ในเวทีสัมนาหัวข้อ "How to รอด...รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง" ให้ความสำคัญกับประเด็นการแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ทั้งผลกระทบด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ โดยได้รับการยืนยันจากนายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี ว่า สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันไวรัสโคโรนาเรื่องการให้วีซ่ากับนักท่องเที่ยว และจะมีการร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการเฝ้าระวังมากขึ้น แต่การปิดประเทศยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกับจีนเชื่อมโยงกันหลายมิติ ขณะที่องค์การอนามันโลก หรือ WHO แนะนำว่าไม่ควรปิดประเทศ   

 

ขณะที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.เตรียมปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยใหม่ จากเดิมที่คาดไว้ในกรอบ 2.5-3% หรือ ค่ากลางอยู่ที่ 2.8% อาจมีการปรับลดลงตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจยังโตไม่ต่ำกว่า 2.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทย ยังมีโอกาสรับเงินลงทุนที่เข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

รัฐปัดปิดประเทศสกัดโคโรนา

เวลานี้ทุกภาคส่วนสามารถช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วยโครงการไทยเท่ เที่ยวเมืองไทย และใช้ของไทย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ ต้องสนับสนุนให้เกิดการจัดสัมนาในประเทศ เชื่อว่าจะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ พยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า

 

ด้านนายชัยยงค์  สัจจพานนท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี  เปิดเผยว่า การรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ทุกภาคส่วนทำได้ค่อนข้างดี โดยท่านฑูตจากปักกิ่ง 3 คนจะเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น  เพื่อดูแลคนไทยที่นั่น แม้กลับไปต้องถูกกักตัว 14 วัน  ส่วนทางการไทยจะจัดไปรับคนไทยในอู่ฮั่นวันที่ 4 ก.พ. นี้ ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเราได้รับคำชมจาก WHO มาโดยตลอด  

 

 

รัฐปัดปิดประเทศสกัดโคโรนา

สำหรับสถานการณ์การเมืองต่างประเทศ จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน  จากการทำนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะต้องสร้างคะแนนเสียง  โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้า ที่แม้ตอนนี้จะมีการประนีประอมในรอบแรก การลดภาษีรอบแรกเป็นแค่ส่วนย่อยจากการใช้กำแพงภาษี สงครามการค้ายังมีอยู่ เพียงแต่ตอนนี้เบาบางลง

 

 “นโยบายที่ไม่ชัดเจนของทรัมป์สร้างความลำบากต่อผู้ดำเนินนโยบาย เราเองก็ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างจีนและสหรัฐ ที่ผ่านมาทำได้ดี สร้างความสมดุล ไม่ให้เกิดผลกระทบว่าเลือกข้างใดข้างหนึ่ง และดำเนินการที่เป็นประโยชน์ เราสามารถดำเนินความสัมพันธ์พิเศษกับจีนและสหรัฐได้ โดยต้องหลีกเลี่ยงประเด็นที่สร้างความเข้าใจผิด